ออกกำลังกายให้สมวัย - บทความ ChubbLifeBalance

สำหรับเด็กอายุ 7 – 12 ปีนั้น เป็นวัยที่ร่างกายยังเติบโตไม่เต็มที่ กล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ ของร่างกายยังทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพมาก เพราะกระดูกยังไม่แข็งแรงและกล้ามเนื้อยังไม่สามารถรับแรงเสียดทานได้มาก ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายประเภทหนักๆ เป็นเวลานาน หรือมีการปะทะรุนแรง โดยกิจกรรมที่เหมาะสมควรเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน เน้นการใช้ความสัมพันธ์ของมือ สายตา และเท้า รวมทั้งให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลา อาทิ การปีนป่าย วิ่ง กายบริหารหรือเต้นแอโรบิก กระโดดเชือก ว่ายน้ำ เป็นต้น

ช่วงอายุ 13 – 22 ปี วัยนี้เป็นวัยที่ร่างกายหลายส่วนเติบโตอย่างสมบูรณ์แล้ว ดังนั้น จึงสามารถเล่นกีฬาได้ทุกรูปแบบ และเพื่อเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของร่างกาย ควรเลือกประเภทการออกกำลังกายที่เน้นความคล่องแคล่ว ว่องไว หรือฝึกทักษะเฉพาะอย่าง ไม่ว่าจะป็นฟุตบอล แบดมินตัน บาสเกตบอล ยิมนาสติก หรือเข้าฟิตเนส แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่ควรระวังในการเลือกประเภทกิจกรรมให้เหมาะกับสภาพร่างกายด้วย

ช่วงอายุ 23 - 40 ปี เป็นวัยที่ร่างกายเติบโตอย่างเต็มที่ มีสมรรถภาพร่างกายแข็งแรง มีความยืดหยุ่น และมีสมดุลที่ดี เหมาะกับการออกกำลังกายอย่างเต็มรูปแบบ และสามารถออกกำลังกายหนักๆ ได้ทุกประเภท ทั้งนี้ สามารถเลือกออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ที่เน้นเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนี้อหัวใจและปอดให้สามารถนำออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้นจากการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง สลับกับเวทเทรนนิ่งเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และรักษารูปร่างให้สมส่วน อย่างไรก็ตาม ควรออกกำลังกายอย่างพอเหมาะไม่หักโหมจนเกินไป และที่สำคัญต้องมีวันพักผ่อนอย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู โดยเฉพาะหลังวันที่ออกกำลังกายแบบเน้นสร้างกล้ามเนื้อเยอะๆ

ช่วงอายุ 41 - 60 ปี วัยนี้เป็นวัยที่ร่างกายเริ่มอ่อนแอและสมรรถภาพในด้านต่างๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเกิดจากการที่ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อที่ไม่ฟิตเท่าวัยหนุ่มสาวนั่นเอง ดังนั้น ก่อนออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายแบบหนักหรือเบาจึงควรทำการวอร์มร่างกายให้เพียงพอทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บในขณะออกกำลังกาย โดยกิจกรรมที่เหมาะสมนั้นจะเน้นการผ่อนคลาย สบายใจ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ วิ่งจ๊อกกิ้ง 

เป็นวัยที่ร่างกายเสื่อมสภาพลงอย่างมาก แต่การออกกำลังกายจะช่วยชะลอการเสื่อมของร่างกายได้ นอกจากนั้น ยังเป็นการรักษาสภาพร่างกายให้แข็งแรง  ยืดอายุ และช่วยพัฒนาร่างกายได้อีกทาง  ทั้งนี้สิ่ งที่ต้องคำนึงถึง คือขีดจำกัดของตัวเอง ที่รวมถึงโรคประจำตัว ความคล่องตัวในการการเล่นกิจกรรมต่างๆ การวอร์มร่างกายทั้งก่อนและหลังเล่น และที่สำคัญควรเลือกกิจกรรมที่เคลื่อนไหวง่าย ไม่มีการเปลี่ยนจังหวะกระทันหัน เช่น รำไทเก๊ก โยคะ ชี่กง ลีลาศ เป็นต้น