ข้ามไปหน้าหลัก
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง

10/2024
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่


การป้องกันไข้หวัดใหญ่ด้วยการฉีดวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญที่หลายคนควรรู้ วัคซีนไข้หวัดใหญ่สี่สายพันธุ์ จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในบทความนี้จะมาทำความรู้จักกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบละเอียด ทั้งวิธีการทำงาน ประโยชน์ ผลข้างเคียง พร้อมคำแนะนำในการฉีดวัคซีน  
 

ไข้หวัดใหญ่ คืออะไร?

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) คือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ โรคนี้มีอาการเด่นชัด ได้แก่ ไข้สูง ไอแห้ง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลีย เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายผ่านการหายใจเอาเชื้อเข้าไป หรือการสัมผัสละอองฝอยจากการไอหรือจามของผู้ติดเชื้อ  
 

 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ คืออะไร?


วัคซีนไข้หวัดใหญ่ คือ วัคซีนที่ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยวัคซีนนี้จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สร้างแอนติบอดีเพื่อต่อต้านเชื้อไวรัส เมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัส ระบบภูมิคุ้มกันที่ได้รับการกระตุ้นจากวัคซีนจะสามารถจัดการกับเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความรุนแรงของอาการและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน

วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีหลายชนิดและมีการปรับปรุงสายพันธุ์ใหม่ ๆ ทุกปีเพื่อให้ตรงกับสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสที่กำลังระบาด การฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปีจึงมีความสำคัญ เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา

การได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว การฉีดวัคซีนไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องตนเอง แต่ยังช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อในชุมชนอีกด้วย
 

 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์และ 4 สายพันธุ์ คืออะไร?

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ (Trivalent Influenza Vaccine)

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 3 สายพันธุ์ เป็นวัคซีนที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จาก 3 สายพันธุ์หลัก โดยประกอบด้วย:

  1. ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A สายพันธุ์ H1N1

  2. ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A สายพันธุ์ H3N2

  3. ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B (มีเพียงหนึ่งสายพันธุ์ของไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B ที่เลือกมาใส่ในวัคซีน)

วัคซีนชนิดนี้ช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคที่เกิดจากไวรัสทั้งสามสายพันธุ์ดังกล่าว
 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ (Quadrivalent Influenza Vaccine)

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิด 4 สายพันธุ์ เป็นการพัฒนาต่อจากวัคซีนชนิด 3 สายพันธุ์ เพื่อให้ครอบคลุมการป้องกันที่กว้างขวางและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยวัคซีนชนิดนี้ประกอบด้วย

  1. ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A สายพันธุ์ H1N1
  2. ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A สายพันธุ์ H3N2
  3. ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B สายพันธุ์ Victoria
  4. ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B สายพันธุ์ Yamagata

การเพิ่มสายพันธุ์ที่สองของไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B ในวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์นี้ช่วยเพิ่มการป้องกันให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคที่เกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่หลากหลายมากกว่า
 

 

วัคซีนทำงานยังไง?

วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย โดยมีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย ดังนี้

1. การฉีดวัคซีน: เมื่อวัคซีนถูกฉีดเข้าสู่ร่างกาย จะมีการนำส่วนประกอบของเชื้อโรคที่ไม่เป็นอันตรายหรือเชื้อโรคที่อ่อนกำลังแล้วเข้าสู่ร่างกาย เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงาน

2. การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน: เมื่อร่างกายตรวจพบสิ่งแปลกปลอม ระบบภูมิคุ้มกันจะเริ่มทำงานทันที โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างแอนติบอดีเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค

3. การสร้างแอนติบอดี: แอนติบอดีจะถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้กับส่วนประกอบของเชื้อโรคในวัคซีน และร่างกายจะจดจำรูปแบบของแอนติบอดีเหล่านี้ไว้เพื่อใช้ในอนาคต

4. การจำรูปแบบของเชื้อโรค: หลังจากที่แอนติบอดีถูกสร้างขึ้น ร่างกายจะจดจำรูปแบบของเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรค เพื่อให้สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วในครั้งถัดไป

5. การเตรียมพร้อมรับมือ: หากในอนาคตมีเชื้อโรคตัวจริงเข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจะสามารถระบุและทำลายเชื้อโรคได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีแอนติบอดีที่เคยสร้างไว้ ทำให้ลดโอกาสการเจ็บป่วยหรือทำให้เกิดอาการป่วยที่น้อยลง
 

 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ช่วยป้องกันได้จริงหรือไม่?

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ป้องกันได้จริง แต่ไม่ได้ป้องกันได้ 100% ประสิทธิภาพของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ประมาณ 70-90% ในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ส่วนผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ประสิทธิภาพของวัคซีนอาจลดลง อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังมีประโยชน์ ช่วยลดความรุนแรงของอาการป่วย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ ลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต และช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัดใหญ่
 
 

ใครควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่?

ทุกคนที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป ควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี และกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับวัคซีน ได้แก่

  • เด็กเล็กอายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี เด็กเล็กอยู่ในวัยที่ร่างกายยังพัฒนาไม่สมบูรณ์และมีภูมิคุ้มกันต่ำ

  • ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ภูมิคุ้มกันของผู้สูงอายุเริ่มเสื่อมลง

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคตับ โรคเบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง โรคไต โรคเลือด ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือต้องรักษาด้วยยาแอสไพริน เป็นประจำ

  • หญิงตั้งครรภ์มีภูมิคุ้มกันต่ำ

  • บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย

  • ผู้ที่อาศัยหรือทำงานในสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน บ้านพักผู้สูงอายุ สถานรับเลี้ยงเด็ก
     

บุคคลที่ไม่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

1. เด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน

  • ร่างกายของทารกยังพัฒนาไม่สมบูรณ์และระบบภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงพอ
  • วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไม่ได้รับการรับรอง สำหรับใช้ในเด็กทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน

2. ผู้ที่มีประวัติแพ้ไข่ไก่อย่างรุนแรง

  • วัคซีนไข้หวัดใหญ่บางชนิดผลิตจากไข่ไก่
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ไข่ไก่ ไม่ควร ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้
  • ปรึกษาแพทย์ เกี่ยวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดอื่น ๆ ที่ผลิตจากเทคโนโลยีเพาะเลี้ยงเซลล์แทน

3. ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วมีอาการแพ้อย่างรุนแรง

  • ไม่ควร ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปีต่อ ๆ ไป
  • อาการแพ้อย่างรุนแรง อาจรวมถึง หายใจลำบาก บวมหน้า ลมพิษ หรือเวียนหัว

4. ผู้ที่มีไข้ หรือเจ็บป่วยเฉียบพลัน

  • ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไป จนกว่าอาการจะดีขึ้น
  • การฉีดวัคซีนในขณะป่วยอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงขึ้น

5. ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางชนิด

  • โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต เป็นต้น
  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน แพทย์จะพิจารณาความเสี่ยงและประโยชน์ของการฉีดวัคซีนเป็นรายบุคคล
     

ผลข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่

โดยทั่วไปแล้ว วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงและหายไปเองภายใน 1-2 วัน ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปวด บวม แดง ตึง เฉพาะบริเวณที่ฉีด
  • อาการทั่วไปหลังฉีดอาจมี ไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน

ผลข้างเคียงเหล่านี้อาจเกิดขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังฉีดวัคซีนหากมีอาการเหล่านี้ สามารถบรรเทาอาการได้โดยใช้ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ 


ในบางกรณี อาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง

  • อาการแพ้รุนแรง หายใจลำบาก ลมพิษ เวียนหัว หน้ามืด หมดสติ หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ทันที
     
     

ข้อปฏิบัติหลังจากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

หลังการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ควรพักอยู่ในจุดฉีดอย่างน้อย 30 นาที เพื่อสังเกตอาการและป้องกันอาการข้างเคียงที่เป็นไปได้ นอกจากนี้ หลังการฉีดวัคซีน ควรหลีกเลี่ยงการใช้แขนข้างที่ฉีดวัคซีนในการยกของหนัก ๆ อย่างน้อย 2 วัน เพื่อป้องกันอาการบวมและอาการที่อาจเกิดขึ้น เมื่อกลับบ้านแล้ว ควรสังเกตอาการตนเองอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 48-72 ชั่วโมง หากพบอาการผิดปกติที่รุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
 

 

7 กลุ่มเสี่ยงจองคิวฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี

กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีนโยบายให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีแก่ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ดังนี้:

  1. เด็กเล็ก อายุ 6 เดือน ถึง 2 ขวบ

  2. ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค: โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด โรคเบาหวาน

  3. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

  4. โรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)

  5. โรคอ้วน (มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือ BMI มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)

  6. ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

  7. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี)

ประชาชนในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้สามารถรับวัคซีนฟรีได้ทุกสิทธิการรักษา ไม่ว่าจะเป็นบัตรทอง สิทธิข้าราชการ หรือสิทธิอื่น ๆ

ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ติดตามข่าวสารและประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขหรือสถานพยาบาลใกล้บ้านเกี่ยวกับช่วงเวลาการให้บริการและวิธีการจองคิวในแต่ละปี เนื่องจากอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายและสถานการณ์
 

 


ช่องทางตรวจสอบสิทธิฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

  1. สายด่วน สปสช. โทร.1330 กด 8 บริการข้อมูลสิทธิประกันสุขภาพ
  2. LINE @UCBKK (เฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทองหรือพักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร)
  3. หน่วยบริการประจำหรือในระบบบัตรทอง
  4. แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เมนู “Health Wallet” (สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปเท่านั้น)

วัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรคและลดความรุนแรงของอาการเจ็บป่วย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพโดยรวม ทั้งการรักษาสุขอนามัย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการพักผ่อนให้เพียงพอ การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อย่างครอบคลุมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสุขภาพของแต่ละบุคคล แต่ยังช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อในชุมชน ส่งผลดีต่อระบบสาธารณสุขโดยรวม

เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่าปล่อยให้ค่ารักษาพยาบาล มาทำให้แผนการใช้ชีวิตไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ เพราะค่ารักษาพยาบาลที่ไม่คาดคิดอาจสร้างปัญหาให้กับเงินออมและแผนการใช้ชีวิตได้ ให้ประกันสุขภาพจาก ชับบ์ ไลฟ์ ช่วยดูแลด้วยแบบประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและผ่าตัด ประกันชดเชยรายได้ และประกันโรคร้ายแรง มอบความคุ้มครองสุขภาพที่ครอบคลุม เพื่อปกป้องผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเจ็บป่วยและต้องรักษาตัว
 

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่

1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ควรฉีดบ่อยแค่ไหน?
ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละปี

2. เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนสามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ไหม?
เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนไม่สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดคือการให้สมาชิกครอบครัวที่อยู่ใกล้ชิดได้รับวัคซีน

3. วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง?
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือปวดบริเวณที่ฉีด มีไข้ต่ำ ๆ และอาการอ่อนเพลีย ซึ่งมักจะหายไปเองในไม่กี่วัน

4. ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วจะป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ไหม?
ถึงแม้จะฉีดวัคซีนแล้ว แต่ยังมีโอกาสป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ แต่ความรุนแรงของอาการจะน้อยลงและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยลง

5. สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมกับวัคซีนอื่น ๆ ได้ไหม?
สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมกับวัคซีนอื่น ๆ ได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้อง


ที่มา

บทความ

ฟอกไต วิธีรักษาโรคไตเรื้อรังที่ควรเข้าใจ

ฟอกไตคืออะไร การฟอกไต มีกี่วิธี ทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีฟอกไต จำเป็นแค่ไหนในผู้ป่วยไตเรื้อรัง ? พร้อมวิธีสังเกตความเสี่ยงโรคไตเบื้องต้นจากลักษณะปัสสาวะที่เปลี่ยนไป!

7 สุดยอดอาหารบำรุงหัวใจขาดเลือด

เพราะหัวใจไม่เคยได้หยุดพักเหมือนอวัยวะอื่นๆ อยากให้หัวใจแข็งแรงไม่เสี่ยงโรคหัวใจขาดเลือด ต้องหมั่นดูแลแต่เนิ่นๆ ด้วยสุดยอดอาหารบำรุงหัวใจขาดเลือด!

รู้เท่าทัน โซเดียม เลือกทานอาหาร เพื่อสุขภาพหัวใจและไตที่แข็งแรง

ทำความเข้าใจกับอาหารที่มีโซเดียมกันใหม่ เพราะโซเดียมไม่ได้พบในเกลืออย่างเดียว

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา 

ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ