ลดหย่อนภาษีแบบเจาะลึกพร้อมวิธีใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้คุ้มค่าที่สุด

ข้ามไปหน้าหลัก
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

ลดหย่อนภาษีแบบเจาะลึกพร้อมวิธีใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้คุ้มค่าที่สุด

11/2024
ลดหย่อนภาษี

​​
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนถึงได้เงินคืนภาษีเยอะแยะ หรือบางคนถึงไม่ต้องเสียภาษีเลย ทั้งที่รายได้ก็พอๆ กัน? คำตอบก็คือ ​​การลดหย่อนภาษี​​ นั่นเอง​

​​เมื่อพูดถึงการลดหย่อนภาษี หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่ในความเป็นจริง การลดหย่อนภาษีสามารถช่วยให้เรา​​ประหยัดเงิน​​ได้อย่างมีประสิทธิภาพถ้ารู้จักวิธีการและสิทธิ์ที่มีอยู่ ในบทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักกับการลดหย่อนภาษีปี 2567 พร้อมเคล็ดลับและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่จะทำให้ทุกคนสามารถประหยัดเงินได้มากขึ้น มาเริ่มกันเลย!​
 

การลดหย่อนภาษีคืออะไร?

​​การลดหย่อนภาษี คือ สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่รัฐมอบให้แก่ประชาชนทุกคน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าเล่าเรียน ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าที่อยู่อาศัย โดยการนำค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปหักออกจากเงินได้ก่อนการคำนวณภาษี ทำให้ผู้เสียภาษี เสียภาษีน้อยลง หรือในบางกรณีอาจได้เงินภาษีคืนด้วย การลดหย่อนภาษีจึงเป็นเหมือนรางวัลสำหรับคนที่วางแผนการเงินที่ดี และยังเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนใช้จ่ายในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมอีกด้วย​

​​ง่ายๆ เลยก็คือ การลดหย่อนภาษีก็เหมือนกับการได้เงินคืนจากรัฐบาลนั่นเอง เพียงแค่ทำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้​

​​อยากรู้ว่ามีอะไรบ้างที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้บ้าง? ติดตามอ่านบทความต่อไปได้เลย​
 

ใครบ้างที่มีสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษี?

​​ทุกคนที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท เจ้าของกิจการ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระก็ตาม ​

  1. ​​ผู้มีเงินได้พึงประเมิน: ​​บุคคลธรรมดาที่มีรายได้เกิน​ ​​150,000​ บาทต่อปี​ ​จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และมีสิทธิ์ในการขอลดหย่อนภาษีตามที่กฎหมายกำหนด​
  2. ​​ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย: ​​พำนักในประเทศไทยเป็นเวลา 180 วันขึ้นไปในปีภาษีนั้น และชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทยและมีรายได้เข้าเกณฑ์การเสียภาษี​
  3. ​​ผู้มีเงินได้จากภายในประเทศไทย: ​​แม้จะไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่มีรายได้จากแหล่งในประเทศไทย​
  4. ​​พนักงานบริษัท: ​​ผู้ที่ได้รับเงินเดือนและค่าตอบแทนอื่น ๆ จากนายจ้าง​
  5. ​​ผู้ประกอบอาชีพอิสระ​: ​เช่น นักเขียน งานสอนพิเศษ งานถ่ายภาพ ที่ปรึกษาการเงิน ฯลฯ​
  6. ​​เจ้าของกิจการ: ​​ผู้ที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจส่วนตัว​
  7. ​​ผู้มีรายได้จากการลงทุน: ​​เช่น ​​ดอกเบี้ย​​ เงินปันผล ค่าเช่า กำไรจากการขายหลักทรัพย์​
  8. ​​ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ: ​​รวมถึงผู้รับบำนาญ​
  9. ​​ผู้มีรายได้จากวิชาชีพ: ​​เช่น นักแสดง นักร้อง นักเขียน ศิลปิน​
  10. ​​คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้: ​​สามารถใช้สิทธิลดหย่อนบางรายการร่วมกับ​​​​คู่สมรส​​ที่มีเงินได้​

​​ข้อควรทราบ ​​แม้ว่าทุกคนที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะมีสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้และวิธีการเสียภาษีของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ทำงานประจำและมีนายจ้างหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แล้ว ก็ยังสามารถขอคืนภาษีที่ถูกหักเกินมาได้ โดยการยื่นแบบขอคืนภาษี อย่างไรก็ตาม สำหรับรายได้บางประเภท เช่น ดอกเบี้ยเงินฝากที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้วในอัตราคงที่ อาจไม่มีสิทธิ์นำมาลดหย่อนเพิ่มเติมได้อีก​

​​ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างถูกต้องและครบถ้วน ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของรายได้ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี หรือสอบถามข้อมูลจากกรมสรรพากรโดยตรง​

​​ส่วนประโยชน์ของการวางแผนลดหย่อนภาษี? จะมีอะไรบ้างนั้นมาเจาะลึกกันต่อได้เลย​
 

ประโยชน์ของการวางแผนลดหย่อนภาษี

​​การวางแผนภาษีไม่ใช่แค่การลดหย่อนภาษี แต่ยังช่วยให้​

  1. ​​เพิ่มเงินในกระเป๋าด้วยการวางแผนภาษี​​ การวางแผนภาษีที่ดีเปรียบเสมือนการหาเงินเพิ่มอีกก้อนหนึ่ง เพราะเมื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อย่างเต็มที่ เงินที่เคยต้องจ่ายเป็นภาษี ก็จะกลายเป็นเงินที่สามารถนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินเพื่ออนาคต การลงทุน หรือแม้แต่การใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัว​
  2. ​​หลีกเลี่ยงความยุ่งยาก​​ การวางแผนภาษีไม่ใช่แค่เรื่องการลดหย่อน แต่ยังรวมถึงการเตรียมเอกสารและข้อมูลให้พร้อมสำหรับการยื่นภาษี การยื่นภาษีล่าช้าหรือผิดพลาดอาจนำไปสู่การเสียค่าปรับ การวางแผนช่วยให้มีเวลาตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและเอกสารก่อนยื่นภาษี ลดโอกาสการถูกตรวจสอบและเสียค่าปรับ​
  3. ​​สร้างวินัยทางการเงินที่แข็งแกร่ง​​ การวางแผนภาษีทำให้ต้องติดตามรายรับ-รายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการบริหารการเงินส่วนบุคคล การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายไม่เพียงแต่ช่วยในการวางแผนภาษี แต่ยังทำให้เห็นพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเอง นำไปสู่การปรับปรุงนิสัยทางการเงินให้ดีขึ้น วินัยทางการเงินที่ดีจะส่งผลดีต่อชีวิตในระยะยาว เช่น มีเงินออมมากขึ้น มีหนี้สินน้อยลง และมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น​
  4. ​​เพิ่มโอกาสในการลงทุนและออมเงิน​​ การวางแผนภาษีช่วยให้มองเห็นโอกาสในการลงทุนที่ได้ประโยชน์ทางภาษี เช่น การลงทุนใน RMF, SSF หรือประกันชีวิตแบบบำนาญ การลงทุนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดหย่อนภาษี แต่ยังเป็นการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว​
  5. ​​ภาษีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา...วางแผนให้ทัน​​ กฎหมายและนโยบายภาษีมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี เช่น การเพิ่มหรือลดวงเงินลดหย่อน การเพิ่มหรือยกเลิกมาตรการพิเศษต่างๆ การวางแผนภาษีประจำปีช่วยให้ปรับกลยุทธ์การลงทุนและการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ ทำให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น​
  6. ​​รับมือกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ​​ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป​ ​ภาษีก็เปลี่ยนตาม การวางแผนภาษีเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ ได้อย่างราบรื่น ช่วยให้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างเต็มที่ และวางแผนอนาคตทางการเงินได้อย่างมั่นคงการวางแผนภาษีเป็นเหมือนเข็มทิศนำทางให้ผ่านพ้นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตไปได้อย่างราบรื่น​

​​เมื่อเข้าใจถึงประโยชน์ของการวางแผนภาษีแล้ว มาทำความเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับรายการลดหย่อนภาษีที่สามารถนำไปใช้ได้ในปี 2567 กันเลย​
 

รายการลดหย่อนภาษี 2567 อัปเดตฉบับล่าสุด

​​อยากรู้ว่าสิทธิลดหย่อนอะไรที่สามารถนำไปใช้ได้บ้าง? รายการลดหย่อนภาษีมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิส่วนตัวหรือครอบครัว แม้กระทั่งการซื้อประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตก็เอามาหักภาษีได้เช่นกัน​
 

1. สิทธิลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัว

  • ​​ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล: ผู้มีเงินได้ 60,000 บาท คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ 60,000 บาท บุตรชอบด้วยกฎหมาย 30,000 บาทต่อคน ​​บุตรที่เกิดในปี 2561 เป็นต้นไป สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท​ ​ (ไม่จำกัดจำนวน) บุตรบุญธรรม 30,000 บาทต่อคน (รวมกันไม่เกิน 3 คน)​

  • ​​ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร: ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 60,000 บาท​

  • ​​ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา: ลดหย่อนได้ 30,000 บาทต่อคน (รวมบิดามารดาของคู่สมรส) บิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี​
     

2. สิทธิลดหย่อนภาษีการออมและการลงทุน

​​เปลี่ยนจากเรื่องใกล้ตัว มาพูดถึงเรื่องการลงทุนกันบ้าง สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับการออมและการลงทุน จะช่วยให้สามารถลดหย่อนภาษีจากการลงทุนจะช่วยให้ทุกคนมีเงินเก็บเพื่ออนาคตได้มากขึ้น​

  • ​​เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) : ​​ลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ​

  • ​​เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.): ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ​​สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ​

  • ​​ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF): ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 500,000 บาท ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี และไถ่ถอนเมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป​

  • ​​ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF): ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 200,000 บาท ต้องลงทุนอย่างน้อย 10 ปี (มาตรการชั่วคราว อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต)​

  • ​​เงินลงทุนในกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise): ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท​

  • ​​ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSFX): ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 200,000 บาท ต้องลงทุนอย่างน้อย 10 ปี ต้องลงทุนในหุ้นไทยอย่างน้อย 65% (มาตรการชั่วคราว อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต)​
     

3. สิทธิลดหย่อนภาษีกลุ่มประกันต่าง ๆ

​​นอกจากการออมและการลงทุนแล้ว การทำประกันภัยก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ มาดูกันว่ามีประกันประเภทไหนบ้างที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้​

  • ​​มาตรา 33 (สำหรับลูกจ้าง หรือมนุษย์เงินเดือน): หักได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาทต่อปี ​

  • ​​มาตรา 39 (สำหรับผู้ที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และต้องการรักษาสิทธิ): หักได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 5,184 บาทต่อปี ​

  • ​​มาตรา 40 (สำหรับแรงงานอิสระหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ):​
    - ทางเลือกที่ 1: หักได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 840 บาทต่อปี​
    - ทางเลือกที่ 2: หักได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี​
    - ทางเลือกที่ 3: หักได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 3,600 บาทต่อปี​

  • ​​เบี้ยประกันชีวิต: ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป​

  • ​​เบี้ยประกันสุขภาพและเบี้ยประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองสุขภาพ: ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับประกันชีวิต ต้องไม่เกิน 100,000 บาท​

  • ​​เบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดา ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท (บิดามารดามีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่จำเป็นต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป)​

  • ​​เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ: ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กบข. กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน หรือ กอช. แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท​
     

4. สิทธิลดหย่อนภาษีที่อยู่อาศัย

จากการพูดถึงประกันชีวิต มาต่อกันที่สินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงอย่างที่อยู่อาศัยกันบ้าง สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับที่อยู่อาศัย จะช่วยให้การมีบ้านเป็นของตัวเองง่ายขึ้น​

  • ​​ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย: ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท​

  • ​​ค่าซ่อมแซมอาคารที่อยู่อาศัย: ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ใช้ได้สำหรับการซ่อมแซม ต่อเติม หรือปรับปรุงอาคารที่อยู่อาศัย ต้องเป็นการจ้างผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น​
     

5. สิทธิลดหย่อนภาษีการบริจาค

​​นอกจากการลงทุนในตนเองแล้ว การให้กลับคืนสู่สังคมก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับเงินบริจาค จะช่วยให้ได้ทำบุญและลดหย่อนภาษีไปพร้อมกัน​

  • ​​เงินบริจาคทั่วไป: ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย​

  • ​​เงินบริจาคเพื่อการศึกษา สาธารณสุข และการกีฬา: 2 เท่าของจำนวนที่บริจาค แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย​

  • ​​เงินบริจาคพรรคการเมือง: ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท และไม่เกิน 5% ของเงินภาษีที่ต้องชำระ​

  • ​​เงินบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.): ลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายการบริจาคอื่นๆ แล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่าย​

  • ​​เงินบริจาคให้แก่สถาบันอุดมศึกษาเพื่อสนับสนุนการศึกษา: ลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายการบริจาคอื่นๆ แล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่าย​
     

6. สิทธิลดหย่อนภาษีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

​​จากเรื่องของการทำบุญ มาพูดถึงเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจกันบ้าง สิทธิลดหย่อนภาษีตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะช่วยให้ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการได้รับประโยชน์​

​​ (มาตรการเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกปี ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล)​

  • Easy e-Receipt 2567​ สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 50,000 บาท ตามที่จ่ายจริง สำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการที่มีใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567​

  • ​​ค่าลดหย่อนเที่ยวเมืองรอง 2567: ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาท ใช้ได้ใน 55 จังหวัดรอง ครอบคลุม: ค่าบริการท่องเที่ยว ค่าแพ็คเกจทัวร์ ค่าที่พัก ระยะเวลา: 1 พฤษภาคม – 30 พฤศจิกายน 2567 ​

​​ทั้งนี้ ต้องย้ำว่ารายการลดหย่อนภาษีอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปีภาษี และบางรายการอาจเป็นมาตรการชั่วคราว ดังนั้น ผู้เสียภาษีควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากรก่อนการวางแผนภาษีและยื่นแบบแสดงรายการภาษีเสมอ นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของการลดหย่อน แต่เป็นการยกเว้นภาษีหรือการคำนวณภาษีในอัตราพิเศษ ซึ่งผู้เสียภาษีควรศึกษาเพิ่มเติมเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างครบถ้วน​
 

การลดหย่อนภาษีกับการทำประกันประเภทต่าง ๆ

​​รู้หรือไม่ว่า การทำประกันบางประเภทสามารถช่วยให้ประหยัดภาษีได้หลายหมื่นบาทต่อปี? อยากรู้ว่ามีประกันประเภทไหนบ้างที่น่าสนใจ ลองมาดูกันเลย​

1. ​ประกันชีวิต​

  • ​​ลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท​

  • ​​กรมธรรม์ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป​

  • ​​ผู้เอาประกันต้องเป็นผู้จ่ายเบี้ยประกันเอง​

​​เกร็ดความรู้: หากคู่สมรสไม่มีรายได้ สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสมาลดหย่อนภาษีเพิ่มได้อีกด้วย​

2. ​​ประกันสุขภาพ​

  • ​​ลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท​

  • ​​สามารถนำไปลดหย่อนได้ทั้งของตนเองและบุพการี​

  • ​​เมื่อรวมกับเงินสมทบกองทุนประกันสุขภาพแห่งชาติแล้วต้องไม่เกิน 25,000 บาท​

​​ข้อควรรู้: ประกันสุขภาพที่นำมาลดหย่อนได้ต้องเป็นแบบรายบุคคลเท่านั้น ไม่รวมถึงประกันอุบัติเหตุ​

3. ​ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์​

  • ​​สามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกับประกันชีวิตทั่วไป​

  • ​​ต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป​

  • ​​ลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท (รวมกับประกันชีวิตแบบอื่นๆ)​

​​เคล็ดลับ: ควรพิจารณาผลตอบแทนและความคุ้มครองควบคู่กับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด​

4. ​​ประกันชีวิตเพื่อวางแผนเกษียณ (ประกันชีวิตแบบบำนาญ)​

  • ​​ลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 200,000 บาท​

  • ​​เมื่อรวมกับเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน หรือกองทุนการออมแห่งชาติแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท​

​​ข้อควรทราบ: ประกันชีวิตแบบบำนาญต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และเริ่มจ่ายเงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป​

​​การทำประกันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะนอกจากจะช่วยคุ้มครองความเสี่ยงในชีวิตแล้ว ยังสามารถนำเบี้ยประกันบางส่วนมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันบำนาญ แต่ละประเภทก็มีวงเงินและเงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีที่แตกต่างกัน ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการทำประกันให้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด​
 

เอกสารสำหรับการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในแต่ละประเภท

1. ​​ลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว​

  • สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีเงินได้และคู่สมรส​
  • ​​สำเนาทะเบียนสมรส​
  • ​​สูติบัตรของบุตร​
  • ​​หนังสือรับรองบุตรบุญธรรม (กรณีมีบุตรบุญธรรม)​
  • ​​ใบเสร็จรับเงินค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร​
  • ​​สำเนาบัตรประชาชนของบิดามารดาที่อุปการะ​
  • ​​สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการ (กรณีอุปการะคนพิการ)​

2. การออมและการลงทุน​

  • ​​หนังสือรับรองการซื้อหน่วยลงทุน RMF, F​
  • ​​หนังสือรับรองเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ​
  • ​​หนังสือรับรองการเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)​

3. กลุ่มประกันชีวิตและสุขภาพ

  • ใบรับรองการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต​
  • ​​ใบรับรองการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพ​
  • ​​หนังสือรับรองการจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคม​
  • ​​ใบรับรองการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ​

​​4. ที่อยู่อาศัย​

  • ​​หนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัย​
  • ​​ใบเสร็จรับเงินค่าซ่อมแซมบ้าน พร้อมสำเนาทะเบียนบ้าน​

5. ​​การศึกษาและพัฒนาตนเอง​

  • ​​ใบเสร็จรับเงินค่าเล่าเรียนบุตร​
  • ​​ใบเสร็จรับเงินค่าอบรมหรือสัมมนา​

6. ​​การบริจาค​

  • ​​ใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานการบริจาคเงินให้สถานศึกษา ศาสนสถาน หรือองค์กรสาธารณกุศล​
  • ​​หลักฐานการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation)​

7.  มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ถ้ามี)​

  • ​​ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบสำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการ​
  • ​​ใบเสร็จรับเงินค่าที่พัก ค่าอาหาร หรือค่าบริการจากการท่องเที่ยว​

8. อื่นๆ​

  • ​​หลักฐานการจ่ายเงินสมทบกองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี​
  • ​​ใบเสร็จรับเงินค่าอุปกรณ์การแพทย์​


​​สิ่งสำคัญที่ต้องระวัง​

  1. เอกสารทุกฉบับต้องระบุชื่อผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสอย่างชัดเจน​
  2. ​​ใบเสร็จรับเงินต้องมีรายละเอียดครบถ้วน เช่น วันที่ รายการสินค้าหรือบริการ จำนวนเงิน​
  3. ​​ควรเก็บเอกสารต้นฉบับไว้อย่างน้อย 5 ปี เผื่อกรณีถูกเรียกตรวจสอบ​
  4. ​​หากใช้สิทธิลดหย่อนผ่านระบบออนไลน์ ควรสแกนหรือถ่ายรูปเอกสารเก็บไว้เป็นหลักฐาน​
     

​สถานที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี

1. สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา​

  • ​​เดิมเรียกว่า สำนักงานสรรพากรเขต/อำเภอ​
  • ​​สามารถยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 ได้ทุกแห่งทั่วประเทศ​
  • ไม่จำกัดว่าต้องเป็นสาขาในพื้นที่ที่ผู้เสียภาษีมีภูมิลำเนา​

2. ​​ที่ทำการไปรษณีย์​

  • ยื่นได้ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม เท่านั้น​
  • ​​มีเงื่อนไขดังนี้: ​
  • ผู้มีเงินได้ต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร ​
    - ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ​
    - แนบเช็ค (ประเภท ข. ค. หรือ ง.) หรือธนาณัติ ตามจำนวนภาษีที่ต้องชำระทั้งหมด ​
    - ส่งไปที่: กองบริหารการคลังและรายได้ กรมสรรพากร อาคารกรมสรรพากร เลขที่ 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400​
    - ​​วันที่ลงทะเบียนไปรษณีย์ถือเป็นวันรับแบบและชำระภาษี​
    - ​​กรมสรรพากรจะส่งใบเสร็จรับเงินกลับทางไปรษณีย์ลงทะเบียน​
    - ​​ผู้มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัดไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้​
    - ไม่สามารถขอชำระภาษีเป็นงวดผ่านช่องทางนี้ได้​

3. ​​​​ทางอินเทอร์เน็ต​

  • ​​ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร:​www.rd.go.th
  • ​​ผ่านแอปพลิเคชัน RD Smart Tax บนโทรศัพท์มือถือ​

 

​​หมายเหตุ​​ การยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภ.ง.ด.50 , ภ.ง.ด.51 , ภ.ง.ด.53 และ ภ.ง.ด.54 สามารถยื่นผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากรก็ได้​

​​การลดหย่อนภาษีเป็นสิทธิประโยชน์ที่ทุกคนควรใช้ให้เต็มที่ โดยการทำความเข้าใจกับประเภทของการลดหย่อนและการวางแผนการเงินอย่างเหมาะสมจะช่วยให้สามารถประหยัดเงินได้มากขึ้น นอกจากจะช่วยลดภาระภาษีแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคมและเศรษฐกิจอีกด้วย​

​​หมายเหตุ:​

  • ​​ข้อมูลในบทความนี้อ้างอิงจากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2567​
  • ​​แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับกรมสรรพากรอีกครั้ง​
  • ​​รายการลดหย่อนบางรายการอาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม กรุณาศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนนำไปใช้ประโยชน์



​​ขอบคุณข้อมูลจาก​

บทความ

เช็กสิทธิประกันสังคมด้วยเลขบัตรประชาชน ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

ใน​​ปัจจุบัน​​ที่การทำงานเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจกังวลถึงความมั่นคงในชีวิตหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เจ็บป่วย คลอดบุตร ว่างงาน หรือเสียชีวิต ประกันสังคม จึงเปรียบเสมือนหลักประกัน ที่ช่วยให้ผู้ประกันตนมีความมั่นใจ

สอนวิธียื่นภาษีออนไลน์แบบเข้าใจง่ายในทุกขั้นตอน
 

ขั้นตอนการยื่นภาษีออนไลน์แบบเข้าใจง่ายพร้อมกับเข้าใจความหมายของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคืออะไร และใครบ้างที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี รวมถึงเอกสารที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนยื่นภาษีออนไลน์ มาติดตามไปพร้อมกันได้เลย

คู่มือขอคืนภาษี รู้ก่อน ยื่นก่อน ได้เงินคืนไว ครบ จบ ในที่เดียว
 

ทำไมต้องขอคืนภาษี รู้หรือไม่ว่า ตัวเองอาจเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปมากกว่าที่ควรจะเป็น! หลายคนอาจมองข้ามการขอคืนภาษีเงินได้ เพราะคิดว่ายุ่งยาก เอกสารเยอะ หรือไม่แน่ใจว่าตัวเองมีสิทธิ์ได้คืนหรือไม่ แต่จริง ๆ แล้ว การขอคืนภาษีเงินได้นั้น

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา 

ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ