รู้สึกอ่อนเพลียหรือขาดน้ำหลังจากการออกกำลังกายหนัก? หรือมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร? เรียนรู้ว่าเกลือแร่ชนิดไหนเหมาะและเมื่อไหร่ควรดื่มเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด

ข้ามไปหน้าหลัก
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

เกลือแร่ สารอาหารสำคัญเติมเต็มร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

10/2024
เกลือแร่

 

เกลือแร่เป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในภาวะที่ร่างกายต้องใช้พลังงานมาก เช่น ระหว่างการออกกำลังกายหรือในสภาพอากาศร้อน เกลือแร่แต่ละชนิดมีหน้าที่เฉพาะในการรักษาสมดุลของร่างกาย ช่วยในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน และสนับสนุนการทำงานของระบบต่าง ๆ การขาดเกลือแร่อาจส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของเกลือแร่ที่ร่างกายขาด การเข้าใจบทบาทของเกลือแร่แต่ละชนิดและวิธีการได้รับอย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพ

บทความนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของเกลือแร่ชนิดต่าง ๆ แหล่งอาหารที่อุดมด้วยเกลือแร่ และวิธีการรักษาสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน 
 

เกลือแร่คืออะไร

เกลือแร่ หรือ แร่ธาตุ (Mineral) มีบทบาทสำคัญในร่างกายหลายอย่าง เกลือแร่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย เป็นองค์ประกอบของเซลล์ เนื้อเยื่อ และเส้นประสาท รวมถึงองค์ประกอบของเอนไซม์ ฮอร์โมน และวิตามิน นอกจากนี้ เกลือแร่ยังทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อในทุกอวัยวะ ดังนั้น การได้รับเกลือแร่ในปริมาณที่เพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ร่างกายสามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่และแข็งแรง  
 

ประเภทของเกลือแร่

เกลือแร่แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ คือ 

1. เกลือแร่หลัก (Macro minerals) เกลือแร่กลุ่มนี้ร่างกายต้องการมากกว่า 100 มิลลิกรัมต่อวัน มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ระบบประสาท กล้ามเนื้อ กระดูก และระบบไหลเวียนโลหิต

2. เกลือแร่รอง (Trace minerals) เกลือแร่กลุ่มนี้ร่างกายต้องการน้อยกว่า 100 มิลลิกรัมต่อวัน แต่มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน การเจริญเติบโต และการเผาผลาญพลังงาน
 

เกลือแร่มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างไร?

  • ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและพัฒนาอย่างสมบูรณ์: เกลือแร่บางชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม จำเป็นต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟัน เหล็กจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง สังกะสีจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
  • ช่วยควบคุมความดันโลหิต: โพแทสเซียมช่วยควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ โซเดียมควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
  • ช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างปกติ: แมกนีเซียม แคลเซียม และโพแทสเซียม จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์: เกลือแร่บางชนิด เช่น เหล็ก สังกะสี และแมกนีเซียม จำเป็นต่อการทำงานของเอนไซม์ ซึ่งมีหน้าที่ในการย่อยอาหาร เผาผลาญพลังงาน และควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
  • ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: เกลือแร่บางชนิด เช่น สังกะสี เหล็ก และซีลีเนียม จำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งช่วยต่อสู้กับเชื้อโรค

ชนิดของเกลือแร่ที่ร่างกายต้องการมีอะไรบ้าง?

  • แคลเซียม: ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ ควบคุมการทำงานของระบบประสาท ช่วยให้เลือดแข็งตัว
    แหล่งที่มา: นม ผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว ถั่วเหลือง ปลาแซลมอน อัลมอนด์
  • โพแทสเซียม: ควบคุมความดันโลหิต ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ รักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้อย่างปกติ
    แหล่งที่มา: กล้วย มันฝรั่ง ผักใบเขียว มะเขือเทศ เนื้อสัตว์ ถั่ว
  • แมกนีเซียม: เสริมสร้างกระดูกและฟัน ควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและวิตามินดี 
    แหล่งที่มา:
    อัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง ถั่วเหลือง ผักใบเขียว ข้าวโอ๊ต กล้วย
  • โซเดียม: ควบคุมความดันโลหิต รักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างปกติ 
    แหล่งที่มา: เกลือ อาหารแปรรูป อาหารหมักดอง
  • สังกะสี: เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสมานแผล ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและพัฒนา ช่วยให้ประสาทรับรสและกลิ่นทำงานได้อย่างปกติ 
    แหล่งที่มา: เนื้อสัตว์ ถั่ว เมล็ดพืช ผักใบเขียว หอยนางรม
  • เหล็ก: ช่วยให้เม็ดเลือดแดงนำออกซิเจนไปยังเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างปกติ 
    แหล่งที่มา: เนื้อสัตว์ ถั่วเลนทิล ผักใบเขียว ธัญพืช
  • ไอโอดีน: ควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์ ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและพัฒนา ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้อย่างปกติ 
  • แหล่งที่มา: เกลือทะเล ปลาทะเล สาหร่าย
  • ฟลูออรีน: เสริมสร้างกระดูกและฟัน ป้องกันฟันผุ 
    แหล่งที่มา: น้ำประปา ยาสีฟันที่มีฟลูออรีน ปลาทะเล
  • แมงกานีส: ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและวิตามินบี 1 ช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างปกติ ช่วยให้ร่างกายสร้างพลังงาน 
    แหล่งที่มา: ถั่ว ธัญพืช ผักใบเขียว ชา
     

แหล่งที่มาของเกลือแร่

ร่างกายสามารถรับเกลือแร่ได้จากอาหารหลากหลายชนิด ตัวอย่างอาหารที่มีเกลือแร่สูง ได้แก่:

  • ผักใบเขียว: ผักโขม คะน้า บร็อคโคลี่ 

  • ถั่ว: ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ 

  • เนื้อสัตว์: เนื้อไก่ เนื้อวัว ปลาแซลมอน 

  • นมและผลิตภัณฑ์จากนม: นม โยเกิร์ต ชีส 

  • ผลไม้: กล้วย แอปเปิ้ล ส้ม 

ในบางกรณี ร่างกายอาจต้องการเกลือแร่ในปริมาณที่มากกว่าที่ได้รับจากอาหาร แพทย์หรือโภชนาการอาจแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมเกลือแร่ ตัวอย่างอาหารเสริมเกลือแร่ที่พบบ่อย ได้แก่:

  • แคลเซียม: เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
  • แมกนีเซียม: เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ นอนไม่หลับ หรือท้องผูก
  • เหล็ก: เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง
  • สังกะสี: เหมาะสำหรับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือมีแผลที่หายช้า  

ผลกระทบจากการขาดสมดุลเกลือแร่

ร่างกายต้องการเกลือแร่ในปริมาณที่เหมาะสม หากร่างกายได้รับเกลือแร่มากหรือน้อยเกินไป อาจส่งผลต่อสุขภาพได้ ตัวอย่างผลกระทบจากการขาดสมดุลเกลือแร่ ได้แก่:

  • การขาดแคลเซียม: อาจทำให้กระดูกพรุน กล้ามเนื้ออ่อนแรง และตะคริว

  • การขาดโพแทสเซียม: อาจทำให้ความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้ออ่อนแรง และหัวใจเต้นผิดจังหวะ

  • การขาดแมกนีเซียม: อาจทำให้ปวดกล้ามเนื้อ นอนไม่หลับ ท้องผูก และภาวะซึมเศร้า

  • การขาดเหล็ก: อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง อ่อนเพลีย และหายใจลำบาก

  • การขาดสังกะสี: อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ แผลหายช้า และสูญเสียความอยากอาหาร

ชนิดของเกลือแร่ทดแทน

เกลือแร่ทดแทน หรือที่เรียกว่า น้ำเกลือแร่ (Oral Rehydration Solution, ORS) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่ร่างกายสูญเสียไป โดยเฉพาะในกรณีที่ป่วยเป็นโรคท้องเสีย อาเจียน หรือเสียเหงื่อมาก เกลือแร่ทดแทนมี 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้:

1. เกลือแร่สำหรับผู้ป่วยท้องเสีย (Oral Rehydration Salt, ORS)

เกลือแร่ชนิดนี้มีสัดส่วนของเกลือแร่และน้ำตาลที่เหมาะสมสำหรับการชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไปจากโรคท้องเสีย ช่วยให้ร่างกายกลับมาชดเชยน้ำและเกลือแร่ได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันภาวะขาดน้ำและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

2. เกลือแร่สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย (Oral Rehydration Therapy, ORT)

เกลือแร่ชนิดนี้มีสัดส่วนของเกลือแร่และน้ำตาลที่เหมาะสมสำหรับการชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไปจากการเสียเหงื่อ ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูพลังงานและแร่ธาตุที่สูญเสียไป ป้องกันภาวะขาดน้ำและภาวะหมดแรง
 

เกลือแร่ท้องเสีย กับออกกำลังกายสามารถใช้ทดแทนกันได้หรือไม่?

ไม่แนะนำให้ใช้เกลือแร่ทั้ง 2 ชนิดใช้ทดแทนกันเนื่องจาก

1. ความแตกต่างของการสูญเสียสารอาหาร

  • ผู้ป่วยท้องเสีย: สูญเสียน้ำ เกลือแร่ และน้ำตาลอย่างรวดเร็ว ต้องการการทดแทนอย่างเร่งด่วน

  • ผู้ที่ออกกำลังกาย: สูญเสียน้ำ น้ำตาล และเกลือแร่ในปริมาณน้อยกว่า ต้องการการทดแทนในปริมาณที่เหมาะสม

2. ส่วนผสมของเกลือแร่

  • เกลือแร่สำหรับผู้ป่วยท้องเสีย (ORS): มีปริมาณน้ำตาลต่ำ เน้นการดูดซึมน้ำและเกลือแร่

  • เกลือแร่สำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย (ORT): มีปริมาณน้ำตาลสูง เน้นการฟื้นฟูพลังงานและแร่ธาตุ

3. ผลของน้ำตาลต่อผู้ป่วยท้องเสีย

  • น้ำตาลในเกลือแร่ ORT กระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้น อาจทำให้ท้องเสียหนักขึ้น

4. คำแนะนำ:

  • ผู้ป่วยท้องเสียควรดื่มเกลือแร่ ORS เพื่อชดเชยน้ำ เกลือแร่ และน้ำตาลที่สูญเสียไป

  • ผู้ที่ออกกำลังกายควรดื่มเกลือแร่ ORT เพื่อฟื้นฟูพลังงานและแร่ธาตุที่สูญเสียไป

  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อรับคำแนะนำในการเลือกรับประทานเกลือแร่ทดแทนที่เหมาะสมกับภาวะร่างกาย
     

การใช้ผงเกลือแร่สำหรับผู้ป่วยท้องเสียมีอะไรบ้าง?

  1. การเลือกชนิดของน้ำเกลือแร่สำหรับท้องเสีย เลือกน้ำเกลือแร่ที่มีปริมาณโซเดียมและกลูโคสที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว น้ำเกลือแร่สำหรับท้องเสีย ควรมีโซเดียมประมาณ 30-60 มิลลิโมลต่อลิตร และกลูโคสประมาณ 10-20 กรัมต่อลิตร หลีกเลี่ยงน้ำเกลือแร่ที่มีน้ำตาลหรือสารแต่งกลิ่นแต่งสี เพราะอาจทำให้อาการท้องเสียแย่ลง

  2. การผสมน้ำเกลือแร่สำหรับท้องเสีย ผสมน้ำเกลือแร่ตามสัดส่วนที่ระบุบนฉลาก โดยทั่วไปแล้ว ควรผสมน้ำเกลือแร่ 1 ซองต่อน้ำ 250 มิลลิลิตร ใช้น้ำสะอาดที่ต้มสุกหรือน้ำแร่ในการผสมน้ำเกลือแร่ เก็บน้ำเกลือแร่ที่ผสมแล้วไว้ในตู้เย็น และใช้ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง

การตรวจสอบระดับเกลือแร่ในร่างกาย

แพทย์สามารถตรวจวัดระดับเกลือแร่ในร่างกายได้หลายวิธี เช่น:
  • การตรวจเลือด: เป็นวิธีที่พบบ่อยที่สุดในการตรวจวัดระดับเกลือแร่ในร่างกาย
  • การตรวจปัสสาวะ: สามารถใช้ตรวจวัดระดับเกลือแร่บางชนิด เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม และโพแทสเซียม
  • การตรวจผม: สามารถใช้ตรวจวัดระดับแร่ธาตุบางชนิด เช่น สังกะสี ซีลีเนียม และสารหนู
     

ข้อควรระวังในการดื่มเกลือแร่มีอะไรบ้าง?

  • ไม่ควรดื่มเกลือแร่มากเกินไป เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มเกลือแร่

  • เด็ก หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มเกลือแร่
     

การบริโภคเกลือแร่ในกลุ่มต่าง ๆ

1. นักกีฬา ต้องการเกลือแร่ในปริมาณที่มากกว่าคนทั่วไป เนื่องจากร่างกายสูญเสียเกลือแร่ผ่านเหงื่อจำนวนมาก เกลือแร่ที่สำคัญสำหรับนักกีฬา ได้แก่:

  • โซเดียม: ช่วยรักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ควบคุมความดันโลหิต และช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • โพแทสเซียม: ช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุมความดันโลหิต และช่วยให้ระบบประสาททำงานได้อย่างปกติ

  • แมกนีเซียม: ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดอาการตะคริว และช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูหลังการออกกำลังกาย

นักกีฬาควรดื่มน้ำเกลือแร่หรือรับประทานอาหารที่มีเกลือแร่สูง หลังจากออกกำลังกายเสร็จ
 

2. ผู้สูงอายุ มีความเสี่ยงต่อการขาดเกลือแร่ เนื่องจากร่างกายดูดซึมเกลือแร่ได้น้อยลง เกลือแร่ที่สำคัญสำหรับผู้สูงอายุ ได้แก่:

  • แคลเซียม: ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกพรุน

  • วิตามินดี: ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม ป้องกันโรคกระดูกพรุน

  • แมกนีเซียม: ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ป้องกันการหกล้ม

  • โพแทสเซียม: ช่วยควบคุมความดันโลหิต ป้องกันโรคหัวใจ

ผู้สูงอายุควรเลือกรับประทานอาหารที่มีเกลือแร่สูง และปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการรับประทานอาหารเสริมเกลือแร่
 

3. ผู้ทานมังสวิรัติ มีความเสี่ยงต่อการขาดเกลือแร่บางชนิด เนื่องจากไม่ได้รับเกลือแร่จากเนื้อสัตว์ เกลือแร่ที่สำคัญสำหรับผู้ทานมังสวิรัติ ได้แก่:

  • เหล็ก: พบได้ในถั่ว ผักใบเขียว ธัญพืช และอาหารเสริมเหล็ก

  • สังกะสี: พบได้ในถั่ว เมล็ดพืช ผักใบเขียว และอาหารเสริมสังกะสี

  • แคลเซียม: พบได้ในผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว ถั่วเหลือง และอาหารเสริมแคลเซียม

ผู้ทานมังสวิรัติควรเลือกรับประทานอาหารที่มีเกลือแร่สูง และปรึกษาแพทย์หรือโภชนาการเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการขาดเกลือแร่และรับคำแนะนำในการทานอาหารที่เหมาะสม
 

เกลือแร่มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลและการทำงานของร่างกาย การได้รับเกลือแร่ที่เพียงพอและสมดุลช่วยส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แหล่งที่มาหลักของเกลือแร่คืออาหารที่หลากหลายและมีคุณค่าทางโภชนาการ ในบางกรณี การเสริมเกลือแร่อาจจำเป็น แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเกลือแร่เกินหรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
 

การตรวจสุขภาพและติดตามระดับเกลือแร่ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งด้านอาหาร การออกกำลังกาย และการพักผ่อน จะช่วยรักษาสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย นำไปสู่สุขภาพที่แข็งแรงและคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว
 

เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มาทำให้แผนการใช้ชีวิตไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ เพราะค่ารักษาพยาบาลที่ไม่คาดคิดอาจสร้างปัญหาให้กับเงินออมและแผนการใช้ชีวิตได้ ให้ประกันสุขภาพจาก ชับบ์ ไลฟ์ ช่วยดูแลด้วยแบบประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและผ่าตัด ประกันชดเชยรายได้ และประกันโรคร้ายแรงมอบความคุ้มครองสุขภาพที่ครอบคลุม เพื่อปกป้องผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เมื่อเจ็บป่วย และต้องรักษาตัว
 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเกลือแร่

1. เกลือแร่ชนิดไหนที่สำคัญที่สุด?

เกลือแร่ทุกชนิดมีความสำคัญต่อร่างกาย แต่เกลือแร่ที่ร่างกายต้องการในปริมาณมาก ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม โซเดียม และคลอไรด์

2. รู้ได้อย่างไรว่าร่างกายขาดเกลือแร่?

อาการของการขาดเกลือแร่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของเกลือแร่ที่ขาด ตัวอย่างอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตะคริว ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ท้องผูก ภาวะซึมเศร้า แผลหายช้า สูญเสียความอยากอาหาร หากสงสัยว่าร่างกายขาดเกลือแร่ ควรปรึกษาแพทย์

3. ควรทานอาหารเสริมเกลือแร่หรือไม่?

ร่างกายควรได้รับเกลือแร่จากอาหารเป็นอันดับแรก การรับประทานอาหารเสริมเกลือแร่ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์หรือโภชนาการ โดยทั่วไปแล้ว ไม่แนะนำให้รับประทานอาหารเสริมเกลือแร่ ยกเว้นในกรณีที่ร่างกายขาดเกลือแร่

4. ดื่มน้ำเกลือแร่แล้วอ้วนขึ้นหรือไม่?

การดื่มน้ำเกลือแร่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ส่งผลต่อน้ำหนักตัว แต่หากดื่มน้ำเกลือแร่ที่มีน้ำตาลหรือสารแต่งกลิ่นแต่งสี อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้

5. ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรดื่มน้ำเกลือแร่หรือไม่?

ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มน้ำเกลือแร่ เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพได้

 

ที่มา

บทความ

ซีสต์ (cyst) ลักษณะ อาการ การรักษา และป้องกัน

ซีสต์ (cyst) คือก้อนหรือตุ่มที่เกิดขึ้นตามร่างกาย โดยมีลักษณะเป็นถุงที่บรรจุอากาศ ของเหลว น้ำ ไขมัน หรือมีเนื้อเยื่อผสมอยู่ก็ได้ ซึ่งถือเป็นความผิดปกติของร่างกาย ส่วนใหญ่จะไม่อันตรายและไม่ใช่มะเร็ง

รู้เท่าทัน โซเดียม เลือกทานอาหาร เพื่อสุขภาพหัวใจและไตที่แข็งแรง

โซเดียม แร่ธาตุที่มักถูกมองข้าม แต่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกายมนุษย์ พบได้ในอาหารทั่วไป ในบทความนี้ จะมาทำความรู้จักกับโซเดียมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เข้าใจถึงปริมาณโซเดียมที่ร่างกายต้องการต่อวัน ประโยชน์ และผลเสียของการกินโซเดียม

kidney

ฟอกไต วิธีรักษาโรคไตเรื้อรังที่ควรเข้าใจ

เคยสงสัยไหมว่าไตทำงานหนักแค่ไหนในแต่ละวัน? เสมือนโรงงานรีไซเคิลขนาดยักษ์ที่ไม่เคยหยุดพัก ไตคัดกรอง ดูดซึม และขับของเสียออกจากร่างกายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่เมื่อโรงงานรีไซเคิลนี้เริ่มสะดุด โรคไตเรื้อรังอาจคืบคลานเข้ามา

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา 

ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ