บริษัทประกันชีวิตมุ่งเน้นการให้ความคุ้มครองชีวิตในระยะยาวเป็นสำคัญจึงออกแบบประกันชีวิตไว้เป็นสัญญาหลัก
บริษัทประกันชีวิตมุ่งเน้นการให้ความคุ้มครองชีวิตในระยะยาวเป็นสำคัญจึงออกแบบประกันชีวิตไว้เป็นสัญญาหลัก โดยจะมีกำหนดระยะเวลาคุ้มครอง และระยะเวลาจ่ายเบี้ยไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มสัญญา เช่น จ่ายเบี้ย 20 ปี คุ้มครองชีวิตจนถึงอายุ 90 ปี ส่วนความคุ้มครองด้านสุขภาพ หรืออุบัติเหตุจะเป็นในรูปแบบสัญญาเพิ่มเติมที่แนบไว้กับสัญญาหลัก
ลักษณะสำคัญของสัญญาเพิ่มเติมมีดังนี้
- ระยะเวลาชำระเบี้ยของสัญญาเพิ่มเติมจะดำเนินไปแบบปีต่อปี จ่ายเบี้ยเพื่อได้รับความคุ้มครองอีก 1 รอบปีกรมธรรม์ สามารถหยุดจ่ายได้ แต่ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากสัญญาเพิ่มเติมนั้น
- สามารถเพิ่มหรือลดจำนวนความคุ้มครองได้เมื่อครบรอบปีกรมธรรม์ โดยอาจจะแจ้งล่วงหน้าก่อนภายใน 1 เดือนก่อนครบรอบปีกรมธรรม์
- เบี้ยประกันจากสัญญาเพิ่มเติมอาจเปลี่ยนแปลงตาม อายุ สุขภาพ และอาชีพ ในระหว่างสัญญาได้
- อาจมีการกำหนด ‘จำนวนความคุ้มครอง’ ขั้นต่ำสุดและสูงสุด ที่บริษัทประกันจะรับความคุ้มครองไว้ เช่น ประกันอุบัติเหตุแบบ อบ. 1 สามารถซื้อได้ไม่เกิน 3 เท่าของสัญญาหลัก เป็นต้น
- สัญญาสุขภาพสามารถนำไปลดหย่อนภาษีส่วนบุคคลได้ไม่เกิน 15,000 บาท ตามกฎเกณฑ์ของกรมสรรพากร อ่านเพิ่มเติม
กลุ่มของความคุ้มครองจากสัญญาเพิ่มเติมอาจแบ่งเป็นกลุ่มหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้
1. สัญญาเพิ่มเติมด้านสุขภาพ:
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและผ่าตัด: อาจเรียกง่ายๆ ว่า ‘ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยใน’ เพราะเป็นสัญญาเพิ่มเติมที่ให้ความคุ้มครองเมื่อเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บ จนต้องเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในในโรงพยาบาล สัญญาเพิ่มเติมนี้จะคุ้มครองในส่วนของ ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าธรรมเนียมผ่าตัด ค่าห้องผ่าตัด ค่าแพทย์ และค่าวินิจฉัยโรคในห้องทดลอง และค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ เป็นต้น โดยค่าใช้จ่ายแต่ละหัวข้อจะมีวงเงินความคุ้มครองแยกกันต่างหาก ส่วนว่าจะเป็นจำนวนเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับแพ็จเกจความคุ้มครองที่เลือกซื้อไว้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและผ่าตัดแบบเหมาจ่าย: เป็นความคุ้มครองผู้ป่วยในเช่นเดียวกับข้อด้านบน แต่มีความยืดหยุ่นในวงเงินค่าใช้จ่ายมากกว่า เพราะใช้ลักษณะวงเงินก้อนใหญ่เหมาจ่ายตลอดทั้งปี
- คุ้มครองสุขภาพแบบชดเชยรายได้: บริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้ตามจำนวนวันที่ผู้เอาประกันเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรือเกิดจากอุบัติเหตุก็ตาม
- คุ้มครองโรคร้ายแรง: คุ้มครองผู้เอาประกันเมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงตามลักษณะของโรคที่ได้รับความคุ้มครอง โดยจะมีทั้งการจ่ายความคุ้มครองเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัยในคราวเดียว หรือทยอยจ่ายให้ตามระยะหรือความรุนแรงของโรคร้ายแรงที่เป็นอยู่ก็ได้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก: ให้ความคุ้มครองเมื่อเข้ารักษาแบบผู้ป่วยนอก สำหรับ จ่ายเป็นค่ายา ค่าหมอ ค่าบริการทางการแพทย์ เป็นต้น โดยมากจะกำหนดวงเงินต่อการเข้ารักษาในแต่ละครั้งไว้ หากมีค่าใช้จ่ายส่วนต่างก็ต้องชำระเพิ่มเติม
ความคุ้มครองที่บริษัทประกันจ่ายให้กับผู้เอาประกันเมื่อเกิดความเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุ โดยได้รับความคุ้มครองหลากหลาย เช่น
- การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
- การสูญเสียอวัยวะและสายตา
- ค่าชดเชยทุพพลภาพชั่วคราว
- ค่าชดเชยทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
- ค่าชดเชยการรักษาพยาบาล (ผู้ป่วยใน)
- ค่าชดเชยการผ่าตัด
3. สัญญาเพิ่มเติมอื่นๆ:
- ยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัย: สัญญาเพิ่มเติมที่จะช่วยยกเว้นการจ่ายเบี้ยในสัญญาหลัก หากผู้เอาประกันเกิดเหตุจนเป็นบุคคลพิการไม่สามารถทำงานได้ บริษัทจะยังคงให้ความคุ้มครองชีวิตต่อไปจนครบกำหนดสัญญาหลักโดยไม่ต้องจ่ายเบี้ย
- ยกเว้นการชำระเบี้ยประกันสำหรับกรมธรรม์ผู้เยาว์: กรมธรรม์ผู้เยาว์ นั้นคือ กรมธรรม์ที่มีผู้ชำระเบี้ยเป็นคนละคนกันกับผู้เอาประกันภัย เช่น พ่อหรือแม่ทำประกันให้ลูก ซึ่งหากเกิดเหตุจนผู้ชำระเบี้ย ไม่สามารถชำระเบี้ยได้จากการเสียชีวิต หรือทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร บริษัทจะให้ความคุ้มครองชีวิตต่อไปจนครบกำหนดสัญญาโดยไม่ต้องชำระเบี้ยอีกต่อไป
- สัญญาเพิ่มเติมแบบชั่วระยะเวลา: เป็นสัญญาเพิ่มเติมที่ให้ความคุ้มครองชีวิตเพิ่มเติมเข้าไปอีกนอกเหนือจากความคุ้มครองจากสัญญาหลัก เพื่อเป็นการเพิ่มความคุ้มครองชีวิตโดยไม่ต้องซื้อกรมธรรม์ใหม่ทดแทน
สัญญาเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นความคุ้มครองพื้นฐานที่แต่ละบริษัทจะมีให้เลือกซื้อเพิ่มเติมได้ ผู้ที่สนใจควรศึกษาถึงความต้องการความคุ้มครอง และความสามารถในการชำระเบี้ยให้ดีก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ เพื่อไม่เป็นการซื้อน้อยเกินเหตุ หรือซื้อมากเกินจำเป็น