ข้ามไปหน้าหลัก
สุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน

การส่งเสริมสุขภาพจิตและกายของแรงงานทางไกล

12/2020
tired man at desk

การทำงานที่บ้านเป็นประโยชน์ต่อพนักงานหลายประการ โดยเฉพาะความยืดหยุ่น แต่ทำให้เกิดความท้าทายพิเศษบางประการด้วยเช่นกัน พนักงานทางไกลอาจรู้สึกว่าตนโดดเดี่ยว เพราะต้องแยกจากเพื่อนร่วมงานที่นอกจากจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้วยังมีการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่สำคัญอีกด้วย สุขภาพกายอาจแย่ลงเช่นกันหากพนักงานทางไกลทำงานในพื้นที่คับแคบและสร้างนิสัยการทำงานที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

โชคดีที่ผู้บริหารธุรกิจ ผู้จัดการ และพนักงานสามารถดำเนินการที่สำคัญเพื่อช่วยแก้ปัญหาความท้าทายด้านสุขภาพจากการทำงานทางไกล และช่วยให้องค์กรเจริญเติบโตด้วยพนักงานที่สุขภาพดี มีความสุข ทำงานได้ดี แม้ว่าจะอยู่กระจายกันก็ตาม

 

แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการส่งเสริมสุขภาพของแรงงานทางไกล

  • สื่อสาร สื่อสาร และสื่อสาร
    ในสภาพแวดล้อมสำนักงานทั่วไป พนักงานมักจะมีโอกาสมากมายในการสื่อสารอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการกับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างาน คุณจึงควรจัดหาช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายให้แก่แรงงานทางไกลของคุณ ตรวจสอบเป็นประจำว่างานและทัศนคติของพนักงานเป็นอย่างไรบ้าง และส่งเสริมให้พนักงานขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา พยายามใช้การสื่อสารแบบวิดีโอที่เหมาะสมเพื่อให้มีการติดต่อแบบพบหน้าทางช่องทางเสมือนจริง
  • ส่งเสริมการติดต่อทางสังคม
    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าในการติดต่อสื่อสารของคุณไม่ได้เอาแต่จะพูดเรื่องงานเพียงอย่างเดียว สร้างโอกาสในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เช่น ชวนคุยเกี่ยวกับรายการทีวีที่กำลังดังหรือกิจกรรมช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือคุณจะจัดช่วงชั่วโมงแสนสุขทางออนไลน์ โชว์สัตว์เลี้ยง หรือเล่นเกมกลุ่มกันก็ได้
  • พักเสียบ้าง!
    พนักงานทางไกลบางรายมุ่งมั่นกับการทำงานมากเกินไป หรืออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา โดยแทบไม่ไปพักเลย เตือนให้พนักงานของคุณพักสั้นเป็นระยะและลุกออกจากโต๊ะทำงานบ้าง กิจกรรมออกกำลังครึ่งวัน เช่น เดินสักครู่ ช่วยให้พนักงานได้รีเซ็ทร่างกายเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพในช่วงบ่าย หากจำเป็น ให้พยายามจัดตารางเวลาช่วงพักพร้อมมีการแจ้งเตือนตามเวลา
  • ให้ความรู้และให้ข้อมูล
    ให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาสุขภาพจิตและกายของพนักงานระหว่างทำงานที่บ้าน นอกจากนั้น ให้ตรวจสอบว่าพนักงานรู้แหล่งข้อมูลที่สามารถช่วยให้พนักงานทำงานทางไกลได้อย่างดี
  • ช่วยเหลือและจัดหาแหล่งข้อมูลให้อย่างเพียงพอ
    ให้การสนับสนุนในด้านไอที ทรัพยากรบุคคล และการดูแลสุขภาพแก่พนักงานทางไกลอย่างเต็มที่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การตั้งค่าซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีเพื่อการทำงานทางไกลอาจเป็นเรื่องน่าเหนื่อยหน่ายสำหรับพนักงานที่ไม่ถนัดด้านเทคนิค และการสนับสนุนด้านไอทีอย่างแข็งแกร่งช่วยสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก นอกจากนั้น ควรพิจารณาจัดเตรียมบริการด้านสุขภาพจิตให้เข้าถึงได้โดยง่าย รวมทั้งช่องทางติดต่อแพทย์แบบออนไลน์ด้วย บริการด้านสุขภาพอื่นๆ สามารถจัดหาให้ทางออนไลน์ได้เช่นกัน
  • ระวังงานหนัก
    ประเมินปริมาณงานและความคาดหวังโดยพิจารณาถึงความเครียดเพิ่มเติมจากการทำงานที่บ้าน ระวังอย่าเพิ่มความรับผิดชอบหรือกำหนดส่งงานที่เป็นไปได้ยากเมื่อพนักงานเพิ่งเปลี่ยนวิธีทำงานเป็นแบบทำงานทางไกล การสนับสนุนสุขภาพกายและจิตของพนักงานสามารถทำได้โดยส่งเสริมให้พนักงานรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้เหมาะสม และเอ่ยปากหากงานหนักเกินจะรับมือได้
  • ต้องจดบันทึก
    การรับและปฏิบัติตามแนวปฏิบัติใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนพนักงานที่ทำงานอยู่ที่บ้านถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย คุณอาจช่วยให้บริษัทและพนักงานทำงานได้ตามที่วางแผนไว้โดยกำหนดกลยุทธ์การทำงานทางไกลอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และตรวจสอบว่าพนักงานและฝ่ายบริหารเข้าใจถูกต้องตรงกัน

หากต้องการเริ่มใช้แนวปฏิบัติที่ดีที่สุด โปรดอ่านรายการตรวจสอบเพื่อสุขภาพกายและจิตของพนักงานทางไกลของชับบ์

 

การทำความเข้าใจและตระหนักถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการทำงานที่บ้าน

การสนับสนุนสุขภาพของพนักงานทางไกลสามารถทำได้ด้วยการทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เฉพาะเจาะจงและแก้ปัญหาร่วมกับพนักงาน หัวหน้าของพนักงาน และฝ่ายทรัพยากรบุคคลโดยตรง ความเสี่ยงด้านสุขภาพกายและจิตที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้านได้แก่:

  • อาการซึมเศร้าและวิตกกังวล
    การอยู่คนเดียวอันเนื่องมาจากการทำงานทางไกลอาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการป่วยทางจิตบางประเภทหรือทำให้อาการทรุดหนักลงได้ ตรวจสอบพนักงานโดยสอบถามวิธีจัดการกับการทำงานที่บ้าน รับรู้ความรู้สึกโดดเดี่ยว และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานทราบว่ามีแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่จะช่วยให้พนักงานสามารถแก้ปัญหาอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล อาการป่วยทางจิตอาจทรุดหนักยิ่งขึ้น ทำให้ขาดงานและสูญเสียประสิทธิภาพในการทำงานได้
  • ภาวะหมดไฟในการทำงาน
    ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกยอมรับว่าภาวะหมดไฟในการทำงานถือเป็นโรคจากการประกอบอาชีพ ซึ่งเกิดขึ้นจากความเครียดในการทำงานที่ไม่ได้รับบริหารจัดการอย่างเหมาะสม ตัวก่อความเครียดที่เพิ่มขึ้นมาจากการทำงานที่บ้านอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหมดไฟของพนักงานได้ อาการของภาวะหมดไฟได้แก่ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง มีความรู้สึกในเชิงลบเกี่ยวกับการทำงาน และความหมดแรง คุณสามารถช่วยค้นหาและแก้ปัญหาอาการเหล่านี้ได้โดยเปิดโอกาสให้พนักงานสื่อสารอย่างเปิดใจ
  • โรคที่เกี่ยวข้องกับการอยู่นิ่งกับที่
    การทำงานที่บ้านทำให้กิจกรรมทางกายของพนักงานลดลง เช่น การเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและชีวิตการทำงานในสำนักงาน เมื่อเวลาผ่านไป การทำงานอยู่กับที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน ดังนั้น การกระตุ้นให้พนักงานพักและออกกำลังกายจะช่วยลดโรคทางกายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานอยู่กับที่ การออกกำลังกายที่บ้านทำได้ง่ายๆ เพียงแค่เปิดเพลงเท่านั้น!
  • ความเครียดที่เกิดซ้ำและอาการบาดเจ็บทางสรีระ
    การทำงานในสำนักงานหรือทำงานที่บ้านอาจนำมาซึ่งความเครียดซ้ำๆ และอาการบาดเจ็บทางสรีระได้ ยิ่งพนักงานทางไกลอาจมีความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บในลักษณะนี้มากยิ่งขึ้นไปอีกเนื่องจากทำงานเป็นระยะเวลานานกว่า ไม่ได้หยุดพัก และไม่ได้จัดพื้นที่ทำงานให้เหมาะกับสรีระ

 

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา
ติดต่อเรา

สำหรับผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์ของชับบ์

หากท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการปกป้องคุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ