ไทรอยด์ทำงานผิดปกติ รู้เท่าทัน ป้องกันได้

ข้ามไปหน้าหลัก
การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

ไทรอยด์ทำงานผิดปกติ รู้เท่าทัน ป้องกันได้

10/2024
ไทรอยด์

 

ต่อมไทรอยด์เปรียบเสมือน “เครื่องควบคุมการเผาผลาญ” ของร่างกายมนุษย์ ที่ควบคุมจังหวะการทำงานของร่างกาย หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายอาจทำงานไม่สอดคล้องกัน โรคไทรอยด์จึงส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานหลายส่วนของร่างกาย บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจถึง "สัญญาณเตือน" ของโรคไทรอยด์ เพื่อให้สามารถตรวจพบและรักษาได้ทันท่วงที
 

ไทรอยด์คืออะไร

ไทรอยด์ (Thyroid) คือ ต่อมไร้ท่อที่อยู่บริเวณลำคอใต้ลูกกระเดือก มีรูปร่างคล้ายปีกผีเสื้อ ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเผาผลาญพลังงาน การเจริญเติบโต และการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ระบบประสาท ระบบหัวใจ และระบบกล้ามเนื้อ หากต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย
 

ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกินหรือไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism)

ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไป ทำให้ร่างกายมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์สูงเกินไป อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก นอนไม่หลับ รู้สึกหงุดหงิด โกรธง่าย น้ำหนักลดลงโดยไม่มีสาเหตุ หิวบ่อย มือสั่น และมีอาการประจำเดือนผิดปกติในผู้หญิง ภาวะนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคเกรฟส์ (Graves' disease) ซึ่งเป็นโรคภูมิต้านตนเองที่ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานมากขึ้น
 

ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน หรือต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism)

ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีฮอร์โมนไทรอยด์ไม่เพียงพอ ทำให้กระบวนการเผาผลาญช้าลง อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักเพิ่มขึ้น รู้สึกหนาวง่าย ผิวแห้ง ท้องผูก ผมร่วง และมีปัญหาความจำ ในเด็กอาจมีการเจริญเติบโตช้าลง ภาวะนี้อาจเกิดจากการขาดสารไอโอดีน การที่ต่อมไทรอยด์ถูกทำลายจากโรคภูมิต้านตนเอง เช่น โรคฮาชิโมโตะ (Hashimoto's thyroiditis) หรือภาวะต่อมไทรอยด์อักเสบเรื้อรัง
 

ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ

ภาวะนี้รวมถึงการทำงานผิดปกติทั้งสองประเภทข้างต้น คือ ต่อมไทรอยด์ทำงานเกินและทำงานต่ำ อาการของภาวะนี้จะขึ้นอยู่กับชนิดของความผิดปกติ อาจมีอาการผสมผสานกัน เช่น บางครั้งรู้สึกเหนื่อยง่าย บางครั้งใจสั่น หรือมีปัญหาน้ำหนักเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ ภาวะนี้อาจเกิดจากการอักเสบของต่อมไทรอยด์ หรือการใช้ยาที่มีผลกระทบต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ การตรวจวินิจฉัยและการรักษาจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทาง
 

สัญญาณเตือนอาการไทรอยด์ผิดปกติ

สัญญาณเตือนอาการไทรอยด์ผิดปกติ แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

1. อาการภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism) หรือไทรอยด์เป็นพิษ

  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว แม้จะทานเยอะ: อาจลดลง 5-10 กิโลกรัมในเวลาไม่กี่เดือน โดยไม่ได้ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายมากขึ้น
  • รู้สึกหิวบ่อย: มีความอยากอาหารเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ อาจรู้สึกหิวทั้งที่เพิ่งรับประทานอาหารไป
  • ใจสั่น ใจร้อน หงุดหงิดง่าย: รู้สึกหัวใจเต้นเร็วหรือแรงผิดปกติ แม้ขณะพัก อารมณ์แปรปรวนง่าย
  • นอนไม่หลับ: มีปัญหาการนอน นอนหลับยาก หรือตื่นบ่อยกลางดึก แม้จะรู้สึกเหนื่อย
  • เหงื่อออกเยอะ: มีเหงื่อออกมากผิดปกติ แม้ในอากาศเย็นหรือไม่ได้ออกแรง
  • มือสั่น: สังเกตเห็นอาการสั่นของมือเวลาทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความละเอียด เช่น การเขียนหนังสือ
  • ท้องเสีย: มีอาการท้องเสียบ่อยครั้ง โดยไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อหรืออาหารเป็นพิษ
  • อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยล้าง่าย แม้จะนอนหลับเพียงพอ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง: รู้สึกว่ากล้ามเนื้อไม่มีแรง โดยเฉพาะบริเวณต้นขาและต้นแขน
  • ผมร่วง: สังเกตเห็นผมร่วงมากกว่าปกติ ผมบางลงอย่างเห็นได้ชัด
  • ตาโต: ดวงตาดูโตขึ้น อาจมีอาการตาถลน หรือรู้สึกว่าลืมตาค้างมากขึ้น
  • ก้อนที่คอหรือคอโต: สังเกตเห็นหรือคลำพบก้อนที่บริเวณคอ อาจมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย
     

2. อาการภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน หรือ ต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism)

  • อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ง่วงตลอดเวลา: รู้สึกเหนื่อยล้าเรื้อรัง แม้จะนอนหลับมากกว่า 8 ชั่วโมง
  • คิดช้า พูดช้า รู้สึกเฉื่อยชา หรือขาดสมาธิ: มีปัญหาในการจดจ่อกับงาน หรือรู้สึกว่าความคิดช้าลง
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างผิดปกติ: น้ำหนักเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินหรือออกกำลังกาย
  • ผิวแห้ง ผมร่วง เล็บเปราะ: ผิวหนังแห้งกร้าน คัน ผมร่วงง่าย และเล็บเปราะบางมากขึ้น
  • ขี้หนาว รู้สึกหนาวตลอดเวลา หรือขี้ร้อน เหงื่อออกเยอะมากขึ้น: มีความไวต่ออุณหภูมิผิดปกติ
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ: ประจำเดือนมามากหรือน้อยผิดปกติ หรือมาไม่สม่ำเสมอ
  • ปวดเมื่อยตามข้อ: มีอาการปวดตามข้อต่างๆ โดยเฉพาะข้อมือและข้อเท้า
  • ท้องผูก: มีอาการท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายยากมากขึ้น
  • ซึมเศร้า: มีอารมณ์หดหู่ เศร้า หรือหมดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ
  • หัวใจเต้นช้า: รู้สึกว่าหัวใจเต้นช้าลงกว่าปกติ

ตัวกระตุ้นทำให้ไทรอยด์กำเริบ

1. ความเครียด: กลไกที่ความเครียดกระตุ้นไทรอยด์กำเริบ เกิดจากฮอร์โมนอะดรีนาลีนและคอติซอลที่ร่างกายหลั่งออกมาเมื่อเครียด ฮอร์โมนเหล่านี้ไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการของโรคไทรอยด์กำเริบ

2. พักผ่อนไม่เพียงพอ: การพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ไปกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ และโรคภูมิแพ้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้ไทรอยด์กำเริบ

3. อาหารสำเร็จรูป: อาหารสำเร็จรูปบางชนิดยังมีสารเคมีและสารกันบูด ซึ่งอาจไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลต่อไทรอยด์ได้เช่นกัน

4. การได้รับไอโอดีนมากเกินไป: ไอโอดีนพบได้ในอาหารทะเล สาหร่ายทะเล เกลือไอโอดีน และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด การทานอาหารเหล่านี้มากเกินไป ควรระวัง

5. อาหารที่กระตุ้นการเผาผลาญ: เช่น พริก กาแฟ แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มชูกำลัง อาจไปกระตุ้นให้ไทรอยด์กำเริบได้ กลไกที่อาหารเหล่านี้กระตุ้นไทรอยด์กำเริบ ยังไม่เป็นที่เข้าใจแน่ชัด แต่การศึกษาบางชิ้นชี้ว่า อาหารเหล่านี้ไปกระตุ้นระบบประสาท ส่งผลต่อระบบฮอร์โมน และอาจไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์มากขึ้น

6. อาหารที่กระตุ้นให้ภูมิแพ้กำเริบ: กลไกที่ภูมิแพ้กระตุ้นไทรอยด์กำเริบ เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ส่งผลต่อต่อมไทรอยด์ และอาจไปกระตุ้นให้ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์มากขึ้น
 

วิธีการรักษาโรคไทรอยด์

วิธีการรักษาโรคไทรอยด์ ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคไทรอยด์และความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปแล้ว แนวทางการรักษามีดังนี้:
 

รักษาต่อมไทรอยด์ด้วยยาต้านไทรอยด์

การรักษาต่อมไทรอยด์ด้วยยาต้านไทรอยด์ โดยตัวยาจะทำปฏิกิริยาต่อฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกาย
เพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมนไทรอยด์ให้กลับมาสมดุล 

  • สำหรับโรคไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism)
    ยาต้านไทรอยด์มักถูกใช้เพื่อลดการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์จากร่างกาย โดยทั่วไปแล้วจะใช้
    ยาเมทิมาโซล (Methimazole) หรือยาโปรพิลไทอูราซิล (Propylthiouracil) เพื่อลดการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ในต่อมไทรอยด์ 

  • สำหรับโรคไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism) ยาต้านไทรอยด์ที่ใช้มักเป็นยาที่เป็นฮอร์โมนไทรอยด์ที่สังเคราะห์ (Synthetic thyroid hormone) เช่น ยาเลโวไทรอกซีน (Levothyroxine) หรือยาไทรอกซีน (Thyroxine) เพื่อเพิ่มการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกาย การใช้ยาต้านไทรอยด์ในการรักษาโรคไทรอยด์มีประสิทธิภาพและเป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัย แต่ต้องให้ระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
     

รักษาต่อมไทรอยด์ด้วยการผ่าตัด

การผ่าตัดต่อมไทรอยด์เป็นวิธีรักษาโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (ไฮเปอร์ไทรอยด์) โดยแพทย์จะนำต่อมไทรอยด์บางส่วนหรือทั้งหมดออก ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและสุขภาพของผู้ป่วย การผ่าตัดเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทานยาต้านไทรอยด์ได้ ผู้ที่มีก้อนในต่อมไทรอยด์ ผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์ หรือผู้ที่มีต่อมไทรอยด์โตมาก การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง และต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล 1-2 วัน ผลข้างเคียงอาจมีแผลเป็น เสียงแหบ รู้สึกชาหรือเจ็บแปลบที่คอ ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ และภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ การผ่าตัดไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติหรือปัญหาระบบทางเดินหายใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการผ่าตัดก่อนตัดสินใจ  
 

เคล็ดลับป้องกันและดูแลต่อมไทรอยด์

การป้องกันและดูแลต่อมไทรอยด์มีความสำคัญเพื่อรักษาสุขภาพของต่อมไทรอยด์และป้องกันโรคที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  1. การรับประทานอาหารที่สมดุล: ควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีนจากเนื้อสัตว์ และถั่ว หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารกันบูดและอาหารแปรรูปมากเกินไป

  2. การรับประทานไอโอดีน: ไอโอดีนเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ควรบริโภคอาหารที่มีไอโอดีนเช่น เกลือไอโอดีน อาหารทะเล และผลิตภัณฑ์นม

  3. การตรวจสุขภาพประจำปี: การตรวจสุขภาพประจำปีช่วยให้สามารถตรวจพบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับต่อมไทรอยด์ได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม

  4. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญและส่งเสริมการทำงานที่ดีของต่อมไทรอยด์

  5. การจัดการความเครียด: ความเครียดสามารถส่งผลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ ควรหาวิธีการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การนั่งสมาธิ หรือการฝึกโยคะ

  6. หลีกเลี่ยงสารเคมีที่เป็นอันตราย: หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีที่อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ เช่น สารต้านการออกซิแดนต์ที่อยู่ในเครื่องสำอางบางชนิด

  7. การพักผ่อนอย่างเพียงพอ: การนอนหลับเพียงพอช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันและระบบฮอร์โมนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

การดูแลและป้องกันต่อมไทรอยด์เป็นการสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับสุขภาพโดยรวม การรักษาสมดุลในชีวิตประจำวันและการตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้ป้องกันและจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับต่อมไทรอยด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 

 

โรคแทรกซ้อนที่เกิดจากไทรอยด์

โรคแทรกซ้อนจากไทรอยด์มีหลากหลายขึ้นอยู่กับชนิดของความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ได้แก่:

  1. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ: การทำงานเกินของต่อมไทรอยด์ (ไฮเปอร์ไทรอยด์) อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

  2. โรคกระดูกพรุน: การทำงานเกินของต่อมไทรอยด์สามารถทำให้กระดูกบางลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน

  3. ปัญหาทางจิตใจ: ทั้งภาวะไทรอยด์เป็นพิษและภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมนสามารถส่งผลต่อสุขภาพจิต ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวล

  4. ภาวะหัวใจล้มเหลว: ในกรณีที่รุนแรง การทำงานเกินของต่อมไทรอยด์สามารถทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไปและนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว

  5. ปัญหาการเจริญเติบโตและพัฒนาการในเด็ก: ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมนในเด็กสามารถทำให้เกิดปัญหาในการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมอง

  6. ภาวะคอพอก: การขาดไอโอดีนสามารถทำให้ต่อมไทรอยด์โตจนเกิดเป็นก้อนที่คอ (คอพอก)

  7. ภาวะความจำเสื่อมและปัญหาการคิด: ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมนสามารถทำให้เกิดปัญหาในการคิดและความจำ

การตรวจพบและรักษาโรคไทรอยด์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคแทรกซ้อนเหล่านี้ได้ หากมีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม
 

ต่อมไทรอยด์เปรียบเสมือนนาฬิกาที่คอยควบคุมจังหวะการทำงานของร่างกาย เมื่อนาฬิกานี้ทำงานผิดปกติ ก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในวงกว้าง เช่น มีการขึ้นลงของน้ำหนัก เหนื่อยล้า หรือหัวใจเต้นผิดปกติ การตรวจสุขภาพเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อตรวจพบภาวะผิดปกติของไทรอยด์ในระยะเริ่มต้น หากสังเกตเห็นสัญญาณผิดปกติใด ๆ เกี่ยวกับไทรอยด์ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้ค้นพบปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และรักษาได้ทันท่วงที

เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่าปล่อยให้ค่ารักษาพยาบาล มาทำให้แผนการใช้ชีวิตไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ เพราะค่ารักษาพยาบาลที่ไม่คาดคิดอาจสร้างปัญหาให้กับเงินออมและแผนการใช้ชีวิตได้ ให้ประกันสุขภาพจาก ชับบ์ ไลฟ์ ช่วยดูแลด้วยแบบประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและผ่าตัด ประกันชดเชยรายได้ และประกันโรคร้ายแรงมอบความคุ้มครองสุขภาพที่ครอบคลุม เพื่อปกป้องผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เมื่อเจ็บป่วย และต้องรักษาตัว

 

ที่มา

บทความ

6 เทคนิคช่วยจัดการกับความโกรธ 

ความรู้สึกโกรธเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ดี หากการตอบโต้กับอารมณ์ความโกรธนั้นเริ่มควบคุมได้ยากและก่อให้เกิดปัญหาทั้งในเรื่องงาน การดำเนินชีวิต เราจำเป็นต้องจัดการกับความโกรธนั้นให้ได้

โรคอ้วน ภาวะน้ำหนักเกิน จุดเริ่มต้นสารพัดโรคที่ไม่ควรมองข้าม

โรคอ้วน ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ มากมาย รู้สาเหตุ อันตรายของโรค เพื่อหลีกเลี่ยงโรคอ้วนและสุขภาพที่ดีของคุณและคนที่คุณรัก

15 อาหารบำรุงสมอง เสริมความจำ ป้องกันสมองเสื่อม

ใครบอกสมองเสื่อมคือเรื่องของผู้สูงวัย จริง ๆ แล้วสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย ขอแนะนำ 15 อาหารบำรุงสมอง ที่ช่วยเสริมความจำ ป้องกันโรคสมองเสื่อม

สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง

ติดต่อเรา 

ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ