6 เทคนิคช่วยจัดการกับความโกรธ
ต่อมไทรอยด์เปรียบเสมือน “เครื่องควบคุมการเผาผลาญ” ของร่างกายมนุษย์ ที่ควบคุมจังหวะการทำงานของร่างกาย หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น ระบบต่าง ๆ ในร่างกายอาจทำงานไม่สอดคล้องกัน โรคไทรอยด์จึงส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานหลายส่วนของร่างกาย บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจถึง "สัญญาณเตือน" ของโรคไทรอยด์ เพื่อให้สามารถตรวจพบและรักษาได้ทันท่วงที
ไทรอยด์ (Thyroid) คือ ต่อมไร้ท่อที่อยู่บริเวณลำคอใต้ลูกกระเดือก มีรูปร่างคล้ายปีกผีเสื้อ ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเผาผลาญพลังงาน การเจริญเติบโต และการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ระบบประสาท ระบบหัวใจ และระบบกล้ามเนื้อ หากต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย
ภาวะนี้รวมถึงการทำงานผิดปกติทั้งสองประเภทข้างต้น คือ ต่อมไทรอยด์ทำงานเกินและทำงานต่ำ อาการของภาวะนี้จะขึ้นอยู่กับชนิดของความผิดปกติ อาจมีอาการผสมผสานกัน เช่น บางครั้งรู้สึกเหนื่อยง่าย บางครั้งใจสั่น หรือมีปัญหาน้ำหนักเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ ภาวะนี้อาจเกิดจากการอักเสบของต่อมไทรอยด์ หรือการใช้ยาที่มีผลกระทบต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ การตรวจวินิจฉัยและการรักษาจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทาง
สัญญาณเตือนอาการไทรอยด์ผิดปกติ แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. อาการภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism) หรือไทรอยด์เป็นพิษ
2. อาการภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน หรือ ต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism)
1. ความเครียด: กลไกที่ความเครียดกระตุ้นไทรอยด์กำเริบ เกิดจากฮอร์โมนอะดรีนาลีนและคอติซอลที่ร่างกายหลั่งออกมาเมื่อเครียด ฮอร์โมนเหล่านี้ไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการของโรคไทรอยด์กำเริบ
2. พักผ่อนไม่เพียงพอ: การพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ไปกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ และโรคภูมิแพ้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้ไทรอยด์กำเริบ
3. อาหารสำเร็จรูป: อาหารสำเร็จรูปบางชนิดยังมีสารเคมีและสารกันบูด ซึ่งอาจไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลต่อไทรอยด์ได้เช่นกัน
4. การได้รับไอโอดีนมากเกินไป: ไอโอดีนพบได้ในอาหารทะเล สาหร่ายทะเล เกลือไอโอดีน และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด การทานอาหารเหล่านี้มากเกินไป ควรระวัง
5. อาหารที่กระตุ้นการเผาผลาญ: เช่น พริก กาแฟ แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มชูกำลัง อาจไปกระตุ้นให้ไทรอยด์กำเริบได้ กลไกที่อาหารเหล่านี้กระตุ้นไทรอยด์กำเริบ ยังไม่เป็นที่เข้าใจแน่ชัด แต่การศึกษาบางชิ้นชี้ว่า อาหารเหล่านี้ไปกระตุ้นระบบประสาท ส่งผลต่อระบบฮอร์โมน และอาจไปกระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์มากขึ้น
6. อาหารที่กระตุ้นให้ภูมิแพ้กำเริบ: กลไกที่ภูมิแพ้กระตุ้นไทรอยด์กำเริบ เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ส่งผลต่อต่อมไทรอยด์ และอาจไปกระตุ้นให้ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์มากขึ้น
วิธีการรักษาโรคไทรอยด์ ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคไทรอยด์และความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปแล้ว แนวทางการรักษามีดังนี้:
การรักษาต่อมไทรอยด์ด้วยยาต้านไทรอยด์ โดยตัวยาจะทำปฏิกิริยาต่อฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกาย
เพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมนไทรอยด์ให้กลับมาสมดุล
สำหรับโรคไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism)
ยาต้านไทรอยด์มักถูกใช้เพื่อลดการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์จากร่างกาย โดยทั่วไปแล้วจะใช้
ยาเมทิมาโซล (Methimazole) หรือยาโปรพิลไทอูราซิล (Propylthiouracil) เพื่อลดการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ในต่อมไทรอยด์
สำหรับโรคไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism) ยาต้านไทรอยด์ที่ใช้มักเป็นยาที่เป็นฮอร์โมนไทรอยด์ที่สังเคราะห์ (Synthetic thyroid hormone) เช่น ยาเลโวไทรอกซีน (Levothyroxine) หรือยาไทรอกซีน (Thyroxine) เพื่อเพิ่มการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกาย การใช้ยาต้านไทรอยด์ในการรักษาโรคไทรอยด์มีประสิทธิภาพและเป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัย แต่ต้องให้ระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
การผ่าตัดต่อมไทรอยด์เป็นวิธีรักษาโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (ไฮเปอร์ไทรอยด์) โดยแพทย์จะนำต่อมไทรอยด์บางส่วนหรือทั้งหมดออก ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและสุขภาพของผู้ป่วย การผ่าตัดเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทานยาต้านไทรอยด์ได้ ผู้ที่มีก้อนในต่อมไทรอยด์ ผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์ หรือผู้ที่มีต่อมไทรอยด์โตมาก การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง และต้องพักฟื้นในโรงพยาบาล 1-2 วัน ผลข้างเคียงอาจมีแผลเป็น เสียงแหบ รู้สึกชาหรือเจ็บแปลบที่คอ ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ และภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ การผ่าตัดไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติหรือปัญหาระบบทางเดินหายใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการผ่าตัดก่อนตัดสินใจ
การป้องกันและดูแลต่อมไทรอยด์มีความสำคัญเพื่อรักษาสุขภาพของต่อมไทรอยด์และป้องกันโรคที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
การรับประทานอาหารที่สมดุล: ควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีนจากเนื้อสัตว์ และถั่ว หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารกันบูดและอาหารแปรรูปมากเกินไป
การรับประทานไอโอดีน: ไอโอดีนเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ควรบริโภคอาหารที่มีไอโอดีนเช่น เกลือไอโอดีน อาหารทะเล และผลิตภัณฑ์นม
การตรวจสุขภาพประจำปี: การตรวจสุขภาพประจำปีช่วยให้สามารถตรวจพบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับต่อมไทรอยด์ได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญและส่งเสริมการทำงานที่ดีของต่อมไทรอยด์
การจัดการความเครียด: ความเครียดสามารถส่งผลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ ควรหาวิธีการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การนั่งสมาธิ หรือการฝึกโยคะ
หลีกเลี่ยงสารเคมีที่เป็นอันตราย: หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีที่อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ เช่น สารต้านการออกซิแดนต์ที่อยู่ในเครื่องสำอางบางชนิด
การพักผ่อนอย่างเพียงพอ: การนอนหลับเพียงพอช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันและระบบฮอร์โมนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การดูแลและป้องกันต่อมไทรอยด์เป็นการสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับสุขภาพโดยรวม การรักษาสมดุลในชีวิตประจำวันและการตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้ป้องกันและจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับต่อมไทรอยด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรคแทรกซ้อนจากไทรอยด์มีหลากหลายขึ้นอยู่กับชนิดของความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ได้แก่:
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ: การทำงานเกินของต่อมไทรอยด์ (ไฮเปอร์ไทรอยด์) อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
โรคกระดูกพรุน: การทำงานเกินของต่อมไทรอยด์สามารถทำให้กระดูกบางลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน
ปัญหาทางจิตใจ: ทั้งภาวะไทรอยด์เป็นพิษและภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมนสามารถส่งผลต่อสุขภาพจิต ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวล
ภาวะหัวใจล้มเหลว: ในกรณีที่รุนแรง การทำงานเกินของต่อมไทรอยด์สามารถทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไปและนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลว
ปัญหาการเจริญเติบโตและพัฒนาการในเด็ก: ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมนในเด็กสามารถทำให้เกิดปัญหาในการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางสมอง
ภาวะคอพอก: การขาดไอโอดีนสามารถทำให้ต่อมไทรอยด์โตจนเกิดเป็นก้อนที่คอ (คอพอก)
ภาวะความจำเสื่อมและปัญหาการคิด: ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมนสามารถทำให้เกิดปัญหาในการคิดและความจำ
การตรวจพบและรักษาโรคไทรอยด์ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคแทรกซ้อนเหล่านี้ได้ หากมีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม
ต่อมไทรอยด์เปรียบเสมือนนาฬิกาที่คอยควบคุมจังหวะการทำงานของร่างกาย เมื่อนาฬิกานี้ทำงานผิดปกติ ก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในวงกว้าง เช่น มีการขึ้นลงของน้ำหนัก เหนื่อยล้า หรือหัวใจเต้นผิดปกติ การตรวจสุขภาพเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อตรวจพบภาวะผิดปกติของไทรอยด์ในระยะเริ่มต้น หากสังเกตเห็นสัญญาณผิดปกติใด ๆ เกี่ยวกับไทรอยด์ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้ค้นพบปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และรักษาได้ทันท่วงที
เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่าปล่อยให้ค่ารักษาพยาบาล มาทำให้แผนการใช้ชีวิตไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ เพราะค่ารักษาพยาบาลที่ไม่คาดคิดอาจสร้างปัญหาให้กับเงินออมและแผนการใช้ชีวิตได้ ให้ประกันสุขภาพจาก ชับบ์ ไลฟ์ ช่วยดูแลด้วยแบบประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและผ่าตัด ประกันชดเชยรายได้ และประกันโรคร้ายแรงมอบความคุ้มครองสุขภาพที่ครอบคลุม เพื่อปกป้องผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เมื่อเจ็บป่วย และต้องรักษาตัว
ที่มา
6 เทคนิคช่วยจัดการกับความโกรธ
โรคอ้วน ภาวะน้ำหนักเกิน จุดเริ่มต้นสารพัดโรคที่ไม่ควรมองข้าม
15 อาหารบำรุงสมอง เสริมความจำ ป้องกันสมองเสื่อม
สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง
ติดต่อเรา
ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ