เตรียมเก็บเงินสำรองฉุกเฉินไว้อย่างไรดี
การทำประกันสุขภาพเปรียบเสมือนการใส่เกราะป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพให้กับตัวเราเอง ช่วยให้มั่นใจได้ว่า จะได้รับการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย และเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพได้ โดยไม่ต้องรอคิวนาน ทั้งยังครอบคลุมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในกรณีเจ็บป่วยหนักหรือเป็นโรคร้ายแรง ช่วยไม่ให้กระทบกับแผนการเงินที่วางไว้ โดยไม่ต้องนำเงินเก็บออกมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล อย่างไรก็ตามการเลือกประกันสุขภาพให้เหมาะสมนั้นควรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ บทความนี้จึงมาแนะนำ 3 ปัจจัยที่ควรพิจารณา เพื่อช่วยให้การเลือกซื้อประกันสุขภาพเกิดความคุ้มค่าเหมาะสมกับตัวเองที่สุด
คนวัยทำงานส่วนใหญ่มักจะมีสวัสดิการสุขภาพอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบประกันกลุ่มคุ้มครองพนักงานทั้งบริษัทฯ หรือแบบประกันสังคม เป็นต้น สมมุติว่าบริษัทมีประกันค่าห้องให้วันละ 3,000 บาท แต่ปกติเรานอนห้องละ 4,500 บาท กรณีนี้เราไม่จำเป็นต้องซื้อประกันสุขภาพแบบค่าห้อง 4,000-5,000 บาทต่อวัน ควรซื้อแค่เฉพาะส่วนต่างก็พอ นั่นคือ 1,000-2,000 บาท และควรพิจารณาความคุ้มครองค่าผ่าตัด ค่ารักษาพยาบาล และอื่นๆ ที่อยู่ในแบบประกัน ซึ่งปกติจะไม่ต่างกันมาก อย่างไรก็ดี หากพอมีกำลัง ขอแนะนำให้ซื้อเผื่อไว้สักหน่อย เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มที่สูงขึ้นประมาณ 7-10% ต่อปี ดังนั้นจึงควรเผื่อล่วงหน้าไว้เลยดีกว่า เพราะหากไม่พอแล้วมาซื้อเพิ่มภายหลัง แต่มีปัญหาสุขภาพแย่ลง มีโรคประจำตัว หรือมีโรคร้ายแรง คุณอาจถูกคิดเบี้ยฯ เพิ่ม หรือไม่มีการคุ้มครองที่ครอบคลุมถึงโรคนั้นๆ
สำหรับปัจจัยเสี่ยงเรื่องอายุนั้นสำคัญ ยิ่งอายุมากก็ยิ่งมีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย รวมทั้งการพิจารณาถึงประวัติการเกิดโรคร้ายแรงของคนในครอบครัวที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม และรูปแบบการใช้ชีวิตที่ผ่านมาว่าเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยหรือไม่ เช่นการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย การพักผ่อน ความเครียด สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ฯลฯ ดังนั้น หากเป็นไปได้ก็ควรเลือกซื้อความคุ้มครองสุขภาพไว้ก่อนที่จะเจ็บป่วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น โดยให้คิดเสียว่าทยอยจ่ายค่าเบี้ยไว้ก่อน ดีกว่าจ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลเป็นก้อนโต ซึ่งถึงวันนั้นคุณอาจจะจ่ายไม่ไหว หรืออาจส่งผลกระทบกับเงินออมสำหรับแผนอนาคตของตัวเองและคนที่เรารักได้
เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่หลายๆ คนที่ต้องการซื้อแบบประกันสุขภาพนี้ โดยควรประเมินรายได้กับรายจ่ายให้เหมาะสม เพื่อที่จะทราบกำลังซื้อของตัวเอง ซึ่งเบี้ยประกันฯ ควรอยู่ที่ประมาณ 10% ของรายได้ต่อปี หากค่าเบี้ยฯ สูงกว่าที่เราจ่ายไหว เราสามารถปรับลดความคุ้มครองในส่วนนี้ลงได้ และซื้อ “ประกันสุขภาพแบบชดเชยรายได้” ควบคู่ไปด้วย ซึ่งอัตราค่าเบี้ยฯ ถูกกว่าและจะชดเชยเงินรายวันให้เราเมื่อต้องมีการรักษาตัวในโรงพยาบาล แม้ว่าความคุ้มครองจะไม่เหมือนกัน แต่ก็พอจะช่วยให้ประหยัดได้ นอกเหนือจากนี้ เราสามารถเลือกชำระเบี้ยฯ เป็นแบบรายเดือน ราย 3 เดือน หรือรายปีก็ได้อีกด้วย
การตรวจสุขภาพก่อนสมัครประกันนั้นก็เพื่อให้การพิจารณารับประกันภัยนั้นพิจารณาตามข้อมูลสุขภาพที่เป็นไปตามความจริงมากที่สุดและสำคัญคือเพื่อให้ หลีกเลี่ยงการคิดค่าเบี้ยสูงเกินจำเป็น เพราะถึงแม้หากผู้ทำประกันอายุเยอะ แต่ดูแลรักษาสุขภาพดี ก็สามารถทำประกันได้ในอัตราเบี้ยมาตรฐาน ไม่ใช่อัตราเบี้ยประกันสูงเกินจริง อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : เหตุใดต้องตรวจสุขภาพก่อนสมัครทำประกัน
เตรียมเก็บเงินสำรองฉุกเฉินไว้อย่างไรดี
FAQ: เหตุใดต้องตรวจสุขภาพก่อนสมัครทำประกัน
เตรียมพร้อมเพื่อสุขภาพจิตที่ดีของว่าที่คุณแม่มือใหม่
สงวนลิขสิทธิ์ @ ชับบ์ 2022 เนื้อหาในเอกสารนี้มีขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น และจะไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำใด ๆ โปรดตรวจสอบข้อกำหนด เงื่อนไข และข้อยกเว้นฉบับสมบูรณ์ของนโยบายของเราเพื่อพิจารณาความเหมาะสม ความคุ้มครองอาจได้รับการรับประกันโดยบริษัทชับบ์ หรือบริษัทในเครือข่ายอย่างน้อยหนึ่งราย สิทธิความคุ้มครองและบริการบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้ในบางประเทศและบางเขตพื้นที่ ชับบ์® และประทับตราพาณิชย์ของชับบ์ Insured.SM เป็นเครื่องหมายการค้าของชับบ์ที่ได้รับการคุ้มครอง
ติดต่อเรา
ให้ ชับบ์ ไลฟ์ ปกป้อง ดูแลคุณ
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคําแนะนําเกี่ยวกับการปกป้อง คุ้มครองจากความเสี่ยงต่างๆ